ตร.จุน เตรียมดำเนินคดี "อดีตรักษาการเจ้าอาวาส" นำทองวัดไผ่สีทอง ไปจำหน่าย
25 ม.ค. 2564, 08:10
วันที่ 24 มกราคม 2564 ผู้สื่อข่าว ONBnews รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรจุน อำเภอจุน จังหวัดพะเยา เตรียมดำเนินคดีกับ อดีตรักษาการเจ้าอาวาสวัดไผ่สีทอง ตำบลหงส์หิน อำเภอจุน จังหวัดพะเยา หลังชาวบ้านเข้าร้องทุกข์และแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานี หลังพบว่าอดีตพระรูปดังกล่าว กับผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และผู้รับเหมา นำทองของวัดที่ขุดพบได้ภายในวัด ซึ่งมีน้ำหนักกว่า 1.2 กิโลกรัม ขณะบูรณะไปจำหน่ายราคารวมมากกว่า 1 ล้านบาท และนำเงินไปแบ่งกันและใช้ส่วนตัวโดยชาวบ้านไม่รับทราบ
พ.ต.อ.สมาน จิตบุญ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรจุน อำเภอจุน พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรจุน และเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดพะเยา ต้องเข้าตรวจสอบพื้นที่ ที่มีการก่อสร้างศาลาปฎิบัติธรรมของวัดไผ่สีทอง ตำบลหงส์หิน อำเภอจุน จังหวัดพะเยา หลังผู้นำหมู่บ้านและชาวบ้าน เข้าร้องทุกข์และแจ้งความ กับ นายสุชาติ สมคิด อดีตพระรักษาการเจ้าอาวาสวัดสีทอง และนายประสิทธิ์ ภักดี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 12 และช่างหนุ่ย ผู้รับเหมาก่อสร้างอาคารศาลาปฎิบัติธรรม ซึ่งเป็นของวัดไผ่สีทอง ได้นำทองคำโบราณ ซึ่งเป็นก้อนน้ำหนักกว่า 1.2 กิโลกรรม ที่พบภายในบริเวณวัดหลังจากที่มีการบูรณะเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาและนำไปขายในราคา รวมทั้งสิ้นกว่า 1,160,000 บาทโดยได้นำเงินที่ได้มาทำการแบ่งปันกัน โดยที่ชาวบ้านไม่รับทราบ จนล่าสุดทางชาวบ้านได้พบรูปภาพทองคำดังกล่าว ที่อดีตพระได้ทำการโพสต์ลงในโซเชียลให้กับผู้สนิทใกล้ชิด จนชาวบ้านหลายรายทราบข่าว จึงได้ดำเนินการเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากทองคำดังกล่าวนั้นถือว่าเป็นสมบัติของทางวัด จึงไม่สามารถที่จะนำไปจำหน่ายและแบ่งปันกับผู้หนึ่งผู้ใดได้ จึงเรียกร้องให้ทางเจ้าที่ตำรวจเข้าทำการตรวจสอบโดยนายสงกรานต์ ศิริวงศ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 12 บ้านไผ่สีทอง ตำบลหงส์หิน อำเภอจุน จังหวัดพะเยา ระบุว่า จากการที่ทางวัดได้มีการบูรณะที่จะสร้างศาลาปฏิบัติธรรมโดยมีการขุดลำน้ำบริเวณโดยรอบและพบว่าทางอดีตพระสุชาติ ซึ่งเป็นรักษาการเจ้าอาวาส ดังกล่าวได้พบก้อนทองน้ำหนักรวม 1.2 กิโลกรัม เมื่อ เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และต่อมาได้ร่วมกันกับช่างที่รับเหมาและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ได้นำทองดังกล่าวไปจำหน่ายที่อำเภอเชียงคำโดยได้ราคา 1,160,000 บาท จากนั้นก็นำมาแบ่งกันโดยให้ช่างผู้รับเหมา จำนวน 300,000 และ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านจำนวน 300,000 ที่เหลือพระรูปดังกล่าวได้ทำการเก็บไว้และนำไปสร้างศาลาประมาณ 200,000 กว่าบาท ที่เหลือก็ยังคงอยู่ที่พระรูปดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ได้ทำการสึกแล้วตั้งแต่เมื่อวาน โดยชาวบ้าน มีความต้องการที่จะเรียกร้องนำทองดังกล่าวกลับคืนมาเพื่อเป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้าน เนื่องจากทองดังกล่าวนั้นคาดเป็นหัวใจพระเจ้า ที่เป็นทองโบราณคู่อยู่กับวัดตรงนี้ และเรียกร้องให้ดำเนินคดีตามกฎหมายกับทั้ง 3 คนที่นำทองดังกล่าวไปจำหน่าย ซึ่งชาวบ้านได้ทราบข่าวดังกล่าวจากการที่พระซึ่งขณะนี้เป็นอดีตพระได้ทำการส่งภาพ ให้กับบุคคลใกล้ชิดและหลุดรอดมาถึงชาวบ้านที่เป็นคณะศรัทธาของวัดไผ่สีทอง จึงได้มีการตรวจสอบจนยอมรับสารภาพดังกล่าว
โดยในวันนี้ทางเจ้าที่ตำรวจก็ได้ทำการตรวจสอบและทำการสอบสวนถึงสาเหตุดังกล่าวซึ่งเจ้าที่ตำรวจระบุว่า ขณะนี้ทางเจ้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานดังกล่าวไว้แล้ว ซึ่งคงจะต้องมีการดำเนินคดีกับบุคคลทั้ง 3 หรือหากมีมากกว่านั้นก็จะดำเนินคดี เนื่องจากทองดังกล่าวนั้นถือว่าเป็นสมบัติของทางวัดดังนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะได้รวบรวมหลักฐานในการที่จะดำเนินคดีต่อไป สำหรับทองดังกล่าวนั้นเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาทางวัดได้ทำการบูรณะและจัดสร้างศาลาปฎิบัติธรรม นอกจากนั้นยังได้ขุดคูบริเวณโดยรอบ และในช่วงเย็นเวลาประมาณ 5 โมงทางอดีตพระรักษาการเจ้าอาวาสก็ได้ไปพบทองดังกล่าวจากนั้นในวันที่ 26 ก็นำไปจำหน่าย โดยได้เงินถึง 1,160,000 บาท และนำมาแบ่งกัน ซึ่งล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ติดตามทองดังกล่าวและจะดำเนินคดีกับทั้ง 3 ต่อไป