นส.มลฤดี หรือ น้องแป้ง  เปิดเผยว่า” หน่วยกู้ภัยทุ่งตะโก ได้ทำหน้าที่กู้ชีพ กู้ภัย มานานกว่า 20 ปี จากคนรุ่นก่อตั้งจนถึงรุ่นปัจจุบัน มีอาสาสมัครกู้ภัย จำนวน 10 คน หมุนเวียนเปลี่ยนไปตามเวลา รวม ถึงได้รับรถยนต์กะบะเป็นทรัพย์สินตกทอดมาจากรุ่นพี่ ซึ่งได้ใช้ในการกู้ภัยมายาวนาน รวม ถึงการซ่อมแซมตลอดเวลา จนมาถึงรุ่นของ นส.มลฤดี ที่มีอาชีพค้าขาย ร่วมกับกับแฟนหนุ่มที่มาทำอาสาสมัครกู้ภัยด้วยกันมานานกว่า 10 ปี มีอาชีพค้าขาย ในยุคที่เศรษฐกิจดี ได้ใช้เงินของตนเองไปซื้อ รถตู้มือสองมาเพื่อทำเป็นรถกู้ชีพ กู้ภัย และได้นำอาสาสมัครเข้าร่วมการฝึกอบรมกู้ชีพ จาก หน่วยงานสาธารณสุขชุมพร จนมีประกาศนียบัตรผ่านการอบรมกู้ชีพอย่างถูกต้อง  หลังจากนั้นได้ทำหน้าที่อาสาสมัครกู้ชีพ กู้ภัย มาโดยตลอด โดยยึดหลักให้บริการแก่ประชาชนแบบไม่คิดเงิน นอกจากมีผู้มีจิตศรัทธาบริจาคให้บ้างเล็กน้อย เพราะถือว่า เป็นการสร้างกุศลและช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน  ทำให้มีเหตุการณ์ต่างๆที่ต้องออกไปช่วยเหลือ ทั้งในพื้นที่ อ.ทุ่งตะโก และอำเภอใกล้เคียงอยู่ตลอดเวลา ได้จัดอาสาสมัครเข้าเวรรับแจ้งเหตุตลอด24 ชม ซึ่งอาสาสมัครทั้ง 10 กว่าคนก็จะมีหน้าที่การงานกันทุกคน เมื่อเกิดเหตุก็จะโทรศัพท์ตามตัวกันไปออกเหตุอย่างสม่ำเสมอ

แต่เมื่อช่วงโควิด1 ปีที่ผ่านมา มีเหตุที่ต้องออกไปช่วยเหลือชาวบ้านมากขึ้น ประกอบกับ รถยนต์ทั้ง 2 คัน อยู่ในสภาพเก่าตามอายุ ถึงจะซ่อมแซม อยู่ตลอดเวลา แต่ จนถึงวันที่ เครื่องยนต์พังเสียหายหนักมาก รถยนต์กะบะไม่สามารถขับได้แล้ว ส่วนรถตู้พอจะขับได้ในระยะทางใกล้ๆ และใช้ความเร็วไม่ได้ เมื่อปรึกษา กับพี่เหน่งเจ้าของอู่ที่ให้พื้นที่ทำเป็นที่ทำการหน่วยกู้ภัยทุ่งตะโก ลงความเห็นว่า ต้องเปลี่ยนเครื่องใหม่ทั้ง 2คัน อีกทั้งวิทยุสื่อสาร อุปกรณ์สื่อสารต่างๆ ก็ เสียหายใช้การไมได้ จึงได้ปรึกษา ผู้หลักผู้ใหญ่ใน อ.ทุ่งตะโก อาทิ ผู้ใหญ่บ้าน สมาชิกสภาเทศบาลทุ่งตะไคร และ ผู้ที่มีจิตศรัทธา ได้ช่วยเหลือ

เมื่อได้ครบจำนวนที่ต้องใช้ในการซ่อมรถแล้วก็จะประกาศปิดบริจาคต่อไป แต่ไม่มีการเดินเรี่ยไร หรือบัญชีอื่นใด นอกจากบัญชีนี้บัญชีเดียว เท่านั้น อีกทั้ง มีผู้ใหญ่เข้ามาช่วยเหลือควบคุมบัญชีให้ใช้เงินตามวัตถุประสงค์อย่างจริงจังด้วย