วันที่ 7 พฤษภาคม 2564 ที่ห้องประชุมพระธาตุพนม ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครพนม ภายหลังการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครพนม นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยนายแพทย์มานพ ฉลาดธัญญกิจ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม นายแพทย์สมโภชน์ กังวานธีรวัฒน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพนม ได้ร่วมกันแถลงข่าวสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด – 19 ในพื้นที่ ซึ่งวันนี้จังหวัดนครพนมไม่มีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อเพิ่ม ทำให้ยอดสะสมอยู่ที่ 121 ราย ขณะที่การรักษามีผู้ที่รักษาหายและได้กลับบ้านเพิ่มอีก 2 ราย รวมสะสมเป็น 68 ราย ส่วนยอดผู้เสียชีวิตยังเท่าเดิมคือ 2 ราย

โดยผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการรักษา 51 รายกระจายอยู่ตามโรงพยาบาลต่าง ๆ ในพื้นที่ มี 14 รายที่มีอาการปอดติดเชื้อและได้รับยาต้านไวรัสทั้งหมดแล้ว นอกจากนี้ยังมีผู้ป่วย 2 รายที่อยู่ในภาวะเครียด ซึ่งทางโรงพยาบาลก็ได้ให้ทีม MCATT เข้ามาดูแลร่วมเพื่อเป็นที่ปรึกษาด้านสุขภาพจิตใจให้กับผู้ป่วยได้คลายความกังวลลงอย่างใกล้ชิด

ส่วนกรณีบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลนครพนมที่ก่อนหน้านี้พบว่ามีผู้ติดเชื้อ ซึ่งก็ได้มีการตรวจคัดกรองเชิงรุกทั้งหมดไปแล้วนั้น วันนี้ผลปรากฏว่าทั้ง 1,178 รายที่เหลือไม่พบว่ามีใครติดเชื้อ จึงขอให้พี่น้องประชาชนตลอดจนผู้ที่มาใช้บริการสบายใจและมีความมั่นใจในมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด – 19 ของทางโรงพยาบาลนครพนมได้ และจากการปฏิบัติหน้าที่ของทีมอายุรแพทย์มีข้อสังเกตที่พบว่า ผู้ป่วยที่เข้ามาทำการรักษาช่วงหลังส่วนใหญ่จะมีอาการปอดอักเสบที่รวดเร็ว เช่น อาทิตย์ที่ผ่านมา 4 ราย มีอาการปอดอักเสบทั้งหมด นั้นหมายถึง เชื้อมีความรุนแรงและแพร่กระจายได้รวดเร็วมากขึ้นกว่าเดิม

และในโอกาสที่มีผู้มีจิตอันเป็นกุศลบริจาคเงินมาช่วยเหลือสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในการยับยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด – 19 คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครพนมจึงได้มีการตั้งเป็นกองทุนชาวนครพนมร่วมใจต้านภัยโควิดขึ้นมาเพื่อนำเงินที่ได้เข้ากองทุนสำหรับใช้จ่ายในการซื้อวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ กรณีเกิดสถานการณ์วิกฤตขึ้นมาในอนาคต เพราะงบประมาณบางสิ่งบางอย่างทางราชการไม่สามารถใช้งบประมาณจัดหาได้ เนื่องจากไม่มีระเบียบรองรับ เบื้องต้นกองทุนนี้ได้รับการสนับสนุนจาก พลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว และคณะบริจาค จำนวน 100,000 บาท ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม 20,000 บาท รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมและปลัดจังหวัดนครพนมท่านละ 10,000 บาท

นอกจากนี้ยังมีในส่วนของหัวหน้าส่วนราชการที่ร่วมกันบริจาคร่วมกับของภาคเอกชนอื่น ๆ อีก โดยเงินทั้งหมดจะมีหอการค้าฯและสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครพนมเป็นผู้ดูแล เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ และเมื่อจะมีการใช้จ่ายงบประมาณของกองทุนในแต่ละครั้งจะต้องนำเรื่องเข้าที่ประชุมเพื่อร่วมกันพิจารณาถึงความเหมาะสมก่อนถึงจะอนุมัติเบิกจ่ายได้