ชายวัย 40 น้อยใจภรรยา แอบผูกคอดับในห้องน้ำ
16 พ.ค. 2564, 09:42
วันที่ 15 พ.ค. 64 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า พ.ต.ท.สมยศ ชูเกียรติศิริ ร้อยเวร สภ. เมืองสระบุรี ได้รับแจ้งจาก 191 เมืองสระบุรี ว่า มีคนผูกคอเสียชีวิตในห้องน้ำที่บ้าน หน้าวัดเขาคูบา (ชุมชนเขาคูบา) จึงได้รุดไปตรวจที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย แพทย์เวรรพ.สระบุรี และเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างสระบุรี
พบ ชาวบ้านกำลังมุงดูบ้านที่เกิดเหตุเป็นห้องชั้นเดียวใน อ.เมือง จ สระบุรี เข้าตรวจภายในบ้าน พบ นาง รัตนาพร (ภรรยาผู้ตาย) พร้อมลูกชายคนเล็กและญาตินั่งร้องไห้อยู่ภายในบ้าน ได้ชี้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและแพทย์ ดูศพ นาย สุรสิทธิ์ อายุ 40 ปี ซึ่งเป็นสามีของตน ได้นอนหงายเสียชีวิตอยู่ในห้องน้ำ หลังจากที่ใช้เชือกรองเท้าผูกคอเสียชีวิตแล้ว ตนเองและลูกได้ตัดเชือกและนำร่างลงมานอนกับพื้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบในที่เกิดเหตุ พบ เชือกรองเท้าสีขาว 1 เส้น ห้อยอยู่ที่ขื่อมีรอยถูกตัด ตรวจสภาพศพ ผู้เสียชีวิตสวมเสื้อยืดสีเทา กางเกงยีนส์ขาสั้น มีร่องรอยช้ำบริเวณคอ ไม่มีบาดแผลใดๆตามร่างกาย และไม่พบร่องรอยการต่อสู้ในที่เกิดเหตุ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำ ภรรยาผู้ตาย เล่าว่า ผู้ตายและตน มีลูกชายด้วยกัน 3 คน อายุ 10 ปี 1 คน อายุ 16 ปี 1 คน และอายุ 18 ปี 1 คน ตนมีอาชีพค้าขายอยู่หน้าบ้าน ผู้ตายชอบมีปากเสียงกับตนบ่อยครั้งเป็นประจำ ผู้ตายเป็นคนขี้น้อยใจ และเคยจะผูกคอตายมาแล้ว 3-4 ครั้ง แต่ก็มีคนมาช่วยเหลือทันทุกครั้ง จนมาวันนี้ผู้ตายได้ทะเลาะกับตนตั้งแต่เช้าตรู่ และได้ขับรถจยย.ออกไปข้างนอก เข้า-ออก 3-4 รอบ
จนล่าสุด เวลา 15.00 น. ผู้ตายได้เข้ามาอยู่ในบ้าน.ส่วนตนได้ขายของอยู่หน้าบ้าน จนกระทั่งตนจะเข้าห้องน้ำแต่ไม่เห็นผู้ตายอยู่ภายในบ้าน จึงได้เดินจะไปเข้าห้องน้ำ แต่ประตูล็อคเปิดไม่ได้ คาดว่าผู้ตายน่าจะอยู่ด้านใน จึงได้ตะโกนเรียกให้เปิดประตู แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ จึงได้เรียกลูกชายคนโตมาช่วยพังประตูห้องน้ำ ก็พบว่า สามีได้ใช้เชือกรองเท้าผูกคอตายห้อยโตงเตงอยู่กับขื่อในห้องน้ำ จึงรีบช่วยกันตัดเชือกและรีบอุ้มร่างลงมานอนกับพื้น และจึงรีบวิ่งไปตามสัปเหร่อที่วัดเขาคูบาซึ่งอยู่ตรงข้ามบ้านของตน ให้มาดูและจับชีพจร สัปเหร่อได้บอกว่า ผู้ตายเสียชีวิตแล้ว ตนจึงได้รีบแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาดูในที่เกิดเหตุดังกล่าว
ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจและแพทย์ เห็นว่าภรรยาของผู้ตาย ไม่ติดใจในการเสียชีวิตของสามี จึงอนุญาตให้นำศพไปบำเพ็ญกุศลประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป