เมื่อวันที่ 19 ส.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นี่คือคลิปภาพเหตุการณ์ที่กลุ่มเด็กแว้นกว่า 20 คัน ในเขต อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ รวมกลุ่มกันแข่งรถ จยย. เร่งเครื่องรถเสียงดัง และมีการนำเอาประทัดยักษ์มาขว้างเข้าไปในถนน ทำให้มีการระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว สร้างความรำคาญให้กับชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้บริเวณปากทางเข้าบ้านโพนข่า ต.โพนข่า อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ เป็นอย่างมากและได้ถ่ายคลิปเอาไว้ โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 02.00 น. ของคืนวันที่ 18 ส.ค.62 ที่ผ่านมา
 

 

นางสาวพิมพ์พศิชา โพธิ์ชัย อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 473 หมู่ 7 ต.โพนข่า อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ซึ่งบ้านอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุและเป็นผู้ที่ถ่ายคลิปนี้เอาไว้ กล่าวว่า ขณะนี้ตนและครอบครัวญาติพี่น้องได้รับความเดือดร้อนจากกลุ่มเด็กแว้นพวกนี้เป็นอย่างมาก โดยจะเป็นอย่างนี้มานานเป็นปีแล้ว ตั้งแต่ถนนเก่ายังสร้างไม่เสร็จจนกระทั่งมีถนนใหม่ขึ้นมา เด็กพวกนี้จะมารวมกลุ่มกันบริเวณนี้ช่วงคืนวันศุกร์ และวันเสาร์ จะไม่มีเรื่องทะเลาะวิวาทกันเพราะว่าเป็นเด็กพวกเดียวกัน แต่เมื่อคืนที่ผ่านมาจะสร้างความรุนแรงมาก เนื่องจากว่า มีการนำเอาประทัดยักษ์มาขว้างเข้าไปในถนนทำให้เกิดเสียงดังรบกวนชาวบ้านบริเวณนี้เป็นอย่างมาก ตนจึงอยากขอให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้ามาใช้ความเด็ดขาดในการแก้ไขปัญหานี้โดยด่วนด้วย

ทางด้าน พ.ต.อ.เสรี ภูษาชีวะ ผกก.สภ.เมืองศรีสะเกษ กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในห้วงเวลาดังกล่าว เจ้าหน้าที่ ตร. ได้รับแจ้งจากสายลับ จึงได้เข้าไปทำการกวดขันจับกุม ปรากฏว่า กลุ่มเด็กวัยรุ่น ได้พากันขับรถ จยย.หลบหนี แต่เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดรถ จยย. ไว้ได้ 5 คัน จากนั้น ได้ทำการสืบสวนจนสามารถจับกุมเด็กวัยรุ่นที่ก่อเหตุได้ 2 คน เป็นเด็กอายุ 14 ปี และ 15 ปี เจ้าหน้าที่ได้เชิญผู้ปกครองมารับทราบด้วย ซึ่งเด็กทั้ง 2 คน ยอมรับว่า ได้ขว้างประทัดยักษ์จริง ไม่ใช่ระเบิดปิงปองแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ได้นำตัวเด็กทั้ง 2 คนไปตรวจค้นที่บ้านพักแต่ว่าไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย จากนั้นได้นำตัวทั้ง 2 คน มาดำเนินการตามกฎหมายเนื่องจากก่อเหตุสร้างความเดือดร้อนรำคาญ โดยทำการเปรียบเทียบปรับตามกฎหมาย และได้ขยายผลไปยังร้านที่ขายประทัดยักษ์ด้วยพบว่า ไม่มีใบอนุญาตให้จำหน่ายประทัดยักษ์ จึงได้นำตัวเจ้าของร้านมาเปรียบเทียบปรับตามกฎหมาย และขณะนี้ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ ตร. หมั่นไปตรวจตราเข้มงวดบริเวณต่าง ๆ ที่เด็กมารวมกลุ่มมั่วสุมกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์สร้างความเดือดร้อนรำคาญขึ้นมาอีกต่อไปแล้ว