ที่เพจเฟซบุ๊ก ไขปัญหากับอายุรแพทย์ โดยราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งได้ออกมาสะท้อนปัญหา หลังได้ไปช่วยงานโรงพยาบาลสนามบุษราคัม ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้ ยอดเตียงรวม 3,700 เตียง เท่าเดิม ICU (ผู้ป่วยวิกฤต) 12 เตียง, ETT (ผู้ป่วยใช้ท่อช่วยหายใจ) 8 เตียง, HFNC (ผู้ป่วยมีภาวะพร่อง ออกซิเจน) 4 เตียง จุดประสงค์เพื่อเอาไว้ดูแลเคสเพื่อรอ refer (การรับ - ส่งต่อผู้ป่วยระหว่างโรงพยาบาล) แต่การ refer ยากมา กลายมาเป็น refer ไม่ออกเลย

มีการคุยกันเรื่องที่จะสร้าง ICU แยกออกมาอีกส่วน เพื่อให้ดูคนไข้ได้มากยิ่งขึ้น อาจต้องมีการแยกทีม ICU ออกมาต่างหาก ส่วนตัวคิดว่ามันน่าจะดีกับผู้ป่วยถ้าทำได้จริง  แต่มันเป็นการเพิ่มอะไรไปเรื่อย โดยที่ทรัพยากรเท่าเดิม ไม่ได้ตระหนักถึงศักยภาพที่แท้จริงของทรัพยากร และบุคลากรเลย

- HFNC 209 เตียง ซึ่งมีจำนวน High Setting ที่มากขึ้น รวมทั้งมีการ advance care plan ในคนไข้ที่มีโรคประจำตัวเยอะ อายุเยอะ เพราะถ้า on ETT ไม่มีที่ refer ก็ดูแลไม่ไหวอยู่ดี

- ที่เหลือ เป็น ผู้ป่วยสีเหลือง และสีเขียว (ไม่ทราบว่าอย่างละเท่าไหร่) สถานที่ และบุคลากรเฉพาะแพทย์ - ยังเหมือนเดิม

จากที่เคยเล่าให้อาจารย์ฟังเมื่อรอบที่แล้ว

1.เรื่องคนไข้เสียชีวิต : ปัจจุบันมีการคุยเรื่อว advance care plan ในคนไข้ที่ดูหนักเกินศักยภาพ แต่เมื่อเสียชีวิตก็ส่งตัวไปที่พระนั่งเกล้า เพื่อจัดการด้านหลังการเสียชีวิตที่พระนั่งเกล้าตามระบบ เข้าใจว่าจะได้ไม่ต้องมาสร้างระบบจัดการเรื่องหลังการเสียชีวิตที่นี่

2.ค่าตอบแทน มีการประชุมในวันที่อาจารย์โพสต์ในเฟซบุ๊กคืนนั้นเลยครับ และมีประกาศแจ้งมาอีกประปราย โดยสรุปว่า

- ยืนค่าเสี่ยงภัยได้ทุกเวร แต่ก็ยังให้คำตอบไม่ได้ว่าได้เมื่อไหร่

- ค่า OT : ให้เบิกจากจำนวนเวรที่อยู่ทั้งหมด ที่อยู่เกินจากเวลาราชการ โดยครั้งแรกแจ้งว่าได้ 750 บาท/8 ชม. แต่มีคนไปดูระเบียบมาว่าจริง ๆ ต้องได้ 1,800 บาท/8 ชม. สุดท้ายจึงมาเปลี่ยนว่าให้ 1,800 บาท/8 ชม. ก็เลยคิดว่าในเมื่อระเบียบมีแต่แรก ทำไมต้องมาลดค่า OT เราในการแจ้งครั้งแรก

- ค่าที่พัก / ค่าเดินทาง : ค่าที่พักเบิกได้ แต่สำหรับคนที่ไม่อยู่ที่พักที่จัดให้ จะให้เบิกค่าเดินทาง จากเดิมที่แจ้งที่กระทรวงว่าวันละ ไม่เกิน 600 บาทตามระเบียบ เป็นได้เท่าอัตรารถประจำทาง ค่าโดยสารเที่ยวละ 8 บาท (แม้ว่าบางทีเราออกเวรเที่ยงคืน ในยามที่ห้ามออกจากเคหสถาน)

อาจารย์ที่มาประชุมบอกว่าในรายละเอียดวันที่มีคนแจ้งที่กระทรวงอาจารย์ไม่ทราบ เพราะอาจารย์ไม่ได้ไปร่วมที่กระทรวงในวันนั้นครับ (แสดงให้เห็นอะไรบางอย่างครับ)

- เบี้ยเลี้ยงเบิกไม่ได้ เพราะที่ รพ.บุษราคัม มีอาหาร เช้า-กลางวัน-เย็น ครับ วันไหนที่ไม่ได้อยู่เวรก็ให้นั่งรถมากินข้าวที่ รพ. (ระยะทาง 7.1 กม. ตาม google MAP)

3.ระยะเวลาการทำงาน : ทำงานที่นี่ต่อในเดือนสิงหาคม ส่วนหลังจากนั้นยังไม่ทราบ ต้องรอเบื้องบนสั่งการมา ยังไม่มีระบบการหมุนเวียนอายุรแพทย์กลุ่มอื่นมาช่วย ต้องรอคำสั่ง ทุกอย่างรอเสนอ และรอตอบรับ ซึ่งต้นสังกัดบางแห่งที่ผู้ป่วย และภาระงานหนักได้มีการท้วงติงเรื่องนี้แล้ว แต่ก็ยังยืนยันว่าพวกเราต้องอยู่ต่อครับ

แต่ปัญหาเพิ่มเติมคือ

1.เคสหนักมากขึ้น จึงมีความต้องการเพิ่มอะไรไปเรื่อย ๆ ตามความหนัก โดยบุคลากรเท่าเดิม มีการคาดหวังให้ทีมพวกเราไปเติมเต็มในงานที่จะเพิ่มขึ้น และส่วนที่ขาด เช่น ทีม MERT ที่ต้องเข้าไปดูแลคนไข้ด้านในมีปัญหา ก็มีการถามว่าพวกเราจะทำอย่างไรดี ซึ่งส่วนตัวสุดท้ายคิดว่าเหมือนมีคนไข้เป็นตัวประกัน ถ้าคนไข้หนัก ทีม MERT ไม่มี แล้วอย่างไร คำตอบก็คือคนที่มีอยู่ ซึ่งจะใครถ้าไม่ใช่พวกเรา

2.ทีมแพทย์หมุนเวียนจากต่างจังหวัดมีช่องว่างในการหมุนเวียน ทำให้บางช่วงมีแค่พวกเราที่ทำงานครับ ครั้งละ 1-2 วัน / รอบ 2 สัปดาห์ ซึ่งวันนั้น ๆ ทำให้พวกเราหนักเอาเรื่องเลยครับ

3.ปัญหาคนไข้ที่ครบกำหนดกลับบ้านบางส่วนไม่ยอมกลับ โดยบอกว่ากลับไปแล้วจะให้ผมไปทำอะไร ไม่มีงาน ไม่มีกิน อันนี้เริ่มเจอมากขึ้นเรื่อย ๆ ครับ สุดท้ายก็เกิดปัญหาเตียงเต็ม