ข่าวดี ! วัคซีน "ไฟเซอร์" จากสหรัฐฯ ส่งถึงไทยพรุ่งนี้ จำนวน 1.54 ล้านโดส
29 ก.ค. 2564, 15:18
วันที่ 29 ก.ค. 64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงถึงความคืบหน้าการจัดหาวัคซีนการทูตของกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับหน่วยงานภายในประเทศที่เกี่ยวข้องว่า เอกอัครราชทูตอังกฤษ ประจำประเทศไทย ได้เข้าพบนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จำนวน 415,040 โดส เพื่อรายงานความคืบหน้าดังกล่าว และสะท้อนหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ของทั้ง 2 ประเทศ โดยวัคซีนจะมาถึงประเทศไทย ในช่วงต้นเดือนสิงหาคมนี้
ส่วนความคืบหน้าการรับมอบวัคซีนไฟเซอร์จากสหรัฐอมริกา จำนวน 1,540,000 โดสนั้น เมื่อวานนี้ วัคซีนขนส่งออกจากสหรัฐแล้ว และจะมาถึงประเทศไทยพรุ่งนี้ โดยกระทรวงสาธารณสุข จะนำไปกระจายต่อตามกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดต่อไป
นายธานี ยังเปิดเผยด้วยว่า รองประธานาธิบดี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สมาพันธรัฐสวิส มีกำหนดเดินทางเยือนประเทศไทย ระหว่าง 1 – 3 สิงหาคมนี้ เพื่อเข้าคาราวะนายกรัฐมนตรี ,รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงสาธารณสุข เพื่อฉลองการสถาปนาทางการทูตครบรอบ 90 ปี
ในโอกาสนี้ รองประธานาธิบดี สมาพันธรัฐสวิส ยังได้มอบเครื่องช่วยหายใจ จำนวน 102 เครื่อง และชุดตรวจหาเชื้อโควิด-19 ชนิด Rapid Antigen Test จำนวน 1,100,000 ชุด มอบให้กับรัฐบาลได้ด้วย ซึ่งขณะนี้ อุปกรณ์ช่วยเหลือทั้งหมด เดินทางถึงประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว
ทางด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์ระบาดโรคโควิด-19 อยู่ในพื้นที่ กทม. และเมื่อประชาชนมีการเคลื่อนย้ายไปต่างจังหวัด ทำให้มีการติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นในต่างจังหวัด และขณะนี้ กทม.ก็แนวโน้มติดเชื้อสูงขึ้น เหมือนกันกับจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศ โดยกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข มีความร่วมมือการสนับสนุนวัคซีนให้กับทาง กทม.อย่างเต็มที่
ทั้งนี้ ได้มีการจัดชุดลงไปค้นหาผู้ป่วยในชุมนุม เรียก ว่าตรวจ ATK เมื่อทำแล้วก็มีการไปทำการสนับสนุนฉีดวัคซีนกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่เสี่ยงอย่างต่อเนื่อง ทั้งกลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่ม 7 โรคเสี่ยง กลุ่มคนน้ำหนักเกิน 100 กิโล และกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ โดยเฉพาะ กลุ่มผู้สูงอายุ เหตุกลุ่มดังกล่าว เคลื่อนย้ายมาฉีดวัคซีนได้ลำบากไม่สะดวก ตอนนี้ ประชากร กทม. ฉีดวัคซีนไปเกินกว่าที่กำหนดไปแล้ว มากกว่า 5 ล้านโดส ขณะที่ประชาชนใน กทม.มีกว่า 7 ล้านคน ต้องยอมรับว่า แนวโน้มการระบาดของโรคยังมีสูงอยู่ ไม่จำเป็นอย่าออกจากบ้าน ยกเว้นเรื่องไปหาแพทย์ ขอให้ประชาชน อยู่กับบ้านมากที่สุด เพื่อหยุดยั้งการระบาดของโรค