เมื่อวันที่  19  ส.ค. 64  ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 37 หมู่ 11 บ้านเนินแสง  ต.ปรือใหญ่  อ.ขุขันธ์  จ.ศรีสะเกษ  ซึ่งเป็นบ้านของนายกร (นามสมมุติ) นามสมมุติ  เพราะว่ากำลังอยู่กับญาติพี่น้องบริเวณหน้าบ้าน  ซึ่งผู้สื่อข่าวได้เข้าไปพบกับนายกร เมื่อสอบถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายกร พูดเพียงสั้นๆ  ว่า  เรื่องมันจบแล้วครับ  จากนั้น  ญาติพี่น้องได้นำตัวนายกรเข้าไปภายในบ้านและปิดประตูทันที

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วิทยาลัยแห่งหนึ่งในเขต  อ.ขุขันธ์ ได้พบกับ  นายแปลก  ภีระคำ ผอ.สถาบันอาชีวศึกษาแห่งหนึ่ง  เพื่อสอบถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซึ่ง ผอ.สถาบันอาชีวศึกษาแห่งหนึ่ง  เปิดเผยว่า  จากการที่ตนได้สอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นกับนายกร แล้ว  ทราบว่า  ก่อนเกิดเหตุ  นายกรได้มาเรียนหนังสือกับอาจารย์ที่วิทยาลัย  ซึ่งเป็นการเรียนภาคปฏิบัติ  หลังจากที่นายกรได้ส่งงานกับอาจารย์เสร็จแล้ว  ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์เดินทางเข้าไปที่ตัว  อ.ขุขันธ์  เพื่อจะเข้าไปตัดผมให้เรียบร้อย  ถูกต้องตามระเบียบของทางวิทยาลัย  และขณะที่กำลังจอดรถเพื่อจะเข้าไปตัดผม  ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจเข้ามาหาและทำการจับกุม  โดยกล่าวหาว่า  มีอุปกรณ์ส่วนควบของรถไม่ครบ  ซึ่งนายกรได้ยอมรับโดยดี  และได้จูงรถจักรยานยนต์ไปที่  สภ.ขุขันธ์  ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีการด่าว่าโต้เถียงกับตำรวจนั้น  เนื่องจากว่านายกร เกิดอาการเครียดที่โดนยึดรถจักรยานยนต์  อีกทั้งครอบครัวมีฐานะยากจน  ไม่มีเงินที่จะไปจ่ายค่าปรับที่โดนจับรถรถจักรยานยนต์ด้วย  จึงได้บันดาลโทสะต่อว่ามีปากเสียงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จับกุม  แต่โดนเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาเพิ่มว่าดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่  ส่งฟ้องศาล  จ.ศรีสะเกษ  โดยศาลพิพากษาว่าผิดตามฟ้อง  สั่งปรับ  2,500  บาท  โทษจำคุก  รอลงอาญา  1  ปี