เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



นายกฯ ลุกแจงสภาฯ สวน "เสรีพิศุทธ์" ทุกประเด็น ย้ำทำทุกอย่างเพื่อประชาชน


31 ส.ค. 2564, 15:40



นายกฯ ลุกแจงสภาฯ สวน "เสรีพิศุทธ์" ทุกประเด็น ย้ำทำทุกอย่างเพื่อประชาชน




วันนี้ ( 31 ส.ค.64 ) การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 16 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาเรื่องด่วน "ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล" วันแรก ตามมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 

โดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ชี้แจงการอภิปรายของพลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่้อไทย โดยระบุว่า กราบเรียนท่านประธานสภาฯที่เคารพ และผู้ทรงเกียรติทุกท่าน ผมจำเป็นต้องชี้แจงตรงนี้ เพราะถือว่าท่านเป็นรุ่นพี่ผม หลายอย่างก็คิดไม่ตรงกันเท่าไหร่ เพราะท่านเป็น อดีตผบ.ตร. ผมเป็นนายกรัฐมนตรี ประสบการณ์คงต่างกัน ที่ท่านอ้างว่าผมไม่รู้เรื่องนั้นเรื่องนี้ ในการจัดทำงบฯ ที่ท่านว่าเราทำขาดดุลมาไม่มีความก้าวหน้า ไม่มีแผนงาน ใช้เงินเพื่อปูพื้นฐานทางการเมืองในทำนองนี้ ท่านรู้ดีเหลือเกิน ผมไม่เคยทำไม่เคยคิดแบบนี้เลย การทำงบฯมี 3 รูปแบบ 1. งบฯแบบขาดดุล ถ้ารายได้จัดเก็บได้ต่ำกว่าวงเงินงบประมาณ 2. งบแบบสมดุลรายได้เท่ากับรายจ่าย 3. งบฯเกินดุล คือรายได้สูงกว่ารายจ่าย 

นายกฯ ยังชี้แจงต่ออีกว่า ฉะนั้นทุกท่านทราบดีอยู่แล้วในการทำงบฯ ขาดดุลคงทราบดี แม้กระทั่งระเบียบการใช้เงินงบฯกลางอะไรก็แล้วแต่  งบฯกลางในปีนี้มียอดสูงขึ้นจากงบฯในการแปรญัตติ 1.6 หมื่นล้าน ซึ่งอยู่ในงบฯกลางระบุไว้ว่านำมาใช้ในสถานการณ์โควิดทั้งสิ้นไม่ได้เพิ่มเติมเป็นพิเศษแต่ประการใด อาจจะมีหลายท่านอาจอยากได้เงินจำนวนนี้ไปผมก็ไม่ทราบว่าจะได้ไปอย่างไร ก็กลับไปอยู่ที่งบฯกลาง และงบฯกลางเป็นการใช้จ่ายตามระเบียบมีการตรวจสอบ มีการเสนอเข้าครม. ผมไม่สามารถชี้นิ้วสั่งอะไรได้เลย เป็นการผ่านการตรวจสอบทุกประการ ผมไม่อยากมีปัญหาทุจริตแบบที่เคยเกิดขึ้นในอดีตนะครับ มีตัวอย่างอยู่แล้ว ฉะนั้นการทำงบฯแบบขาดดุล แน่นอนในเมื่อรายได้เก็บได้ต่ำกว่า โดยเฉพาะช่วงโควิด งบฯรายจ่ายแบบขาดดุลยังมีอยู่ ทั้งนี้เพื่อจะขับเคลื่อนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการก่อให้การการใช้เงินในประเทศเพื่อการสร้างรายได้กับประชาชนให้พออยู่พอกินในช่วงนี้ และยังต้องใช้ในการลงทุนต่างประเทศด้วย เราหยุดไม่ได้ เพิ่มการใช้จ่ายในประเทศ เพิ่มการลงทุนทำโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจใหม่ สร้างสาธารณสุข ท่านบอกว่าไม่มีผลงานอะไรเลยท่านคงต้องไปดูใหม่ ว่าหลายปีที่ผ่านมามีอะไรเกิดขึ้นมาบ้างในประเทศไทย ท่านอาจจะไม่เห็นก็ได้เพราะท่านอาจจะทำภารกิจอื่นที่ท่านบอกว่าทำหนักหนาสาหัสของท่าน ถ้าท่านดูในมุมกว้างท่านจะเห็นว่าประเทศเปลี่ยนแปลงไปมากในขณะนี้ มันก็เป็นผลดีกับอนาคตทั้งสิ้น



นายกฯ กล่าวต่อว่า ในเรื่องของการดูแลประชาชนในกลุ่มเปราะบาง ท่านดูตัวเลขว่าเราดูแลมากขึ้น เพิ่มเงินมากขึ้นเท่าไหร่ ถึงแม้จะไปมากนักแต่ก็เพิ่มให้แล้วไม่ได้น้อยไปกว่าเดิม เราคาดหวังว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจจะเพิ่มขึ้น ช่องว่างระหว่างรายได้ของประชาชนลดลงเพื่อความเสมอภาคในแต่ละกลุ่มเปราะบางซึ่งมีหลายกลุ่มด้วยกัน รัฐบาลดูแลทุกกลุ่มว่าจะให้ได้แค่ไหน มากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับงบฯที่มีอยู่โดยเฉพาะในช่วงนี้มีการเก็บรายได้น้อยลงก็ต้องบริหารงบฯให้ดีที่สุด

นายกฯ เพิ่มเติมว่า ในเรื่องงบฯกระทรวงกลาโหมได้พูดย้ำหลายครั้ง การจัดตั้งงบฯจะมีหลักการอันแรกคือการพิจารณาจากสัดส่วนของงบฯ ต่อวงเงินงบฯ  ถ้าในอดีตที่ผ่านมาจะพบว่าสัดส่วนของกระทรวงกลาโหมต่อวงเงินงบฯประจำสูงสุดอยู่ที่ ร้อยละ 9.06 ส่วนในปี 62 อยู่ที่ 8.72 ส่วนปี 51 อยู่ที่ 8.61 ขณะที่ปี 46 อยู่ที่ 7.99 วันนี้ที่ท่านว่าสูงสุดเราอยู่ที่ 7.57 กรุณาย้อนกลับไปดูด้วยรัฐบาลไหนก็แล้วแต่ ฉะนั้นก็ไม่ได้สูงตามที่มีการอภิปราย เมื่อเทียบเคียงกับต่างประเทศแล้วจะพบว่างบฯกลาโหมกับมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมของไทยปี 63 ไทยอยู่ที่ร้อยละ 1.48 สิงคโปร์อยู่ที่ร้อยละ 3.02 เกาหลีใต้ร้อยละ 2.75 อันนี้ยกตัวอย่างให้ทราบ ผมระมัดระวังการใช้จ่ายงบฯมากที่สุด อะไรที่ปรับได้ก็ปรับ อะไรที่มีความจำเป็นก็ต้องหารือพิจารณาใน กมธ. หลายอย่างหยุดไม่ได้ เฉพาะในเรื่องของที่ถามว่ามีทหารไว้ทำไม มีไว้ก็ไม่ได้รบ วันนี้ทหารทำอะไรบ้าง ไม่ว่าจะสถานการณ์โควิด น้ำท่วม ฝนแล้ง ภัยพิบัติ ดูแลแรงงานต่างด้าว ลักลอบเข้าประเทศ ชายแดน ภาคใต้ ก็หมุนเวียนกันลงไปมีการผลัดเปลี่ยน หน้าที่การเป็นทหารระบุไว้ในรธน.อยู่แล้วชายไทยต้องเป็นทหาร ทหารไม่ได้เพื่อรบอย่างเดียว เอามาช่วยทุกงานที่เป็นภารกิจกองทัพ ทั้งการป้องกันชายแดน ความั่นคงภายใน เรื่องสนับสนุนกระทรวงต่างๆ ลักลอบการค้าสินค้าชายแดน ช่วยเหลือภัยพิบัติ วันนี้ก็ช่วยโควิด-19 สรุปว่าก็มีเงินเดือนมีเบี้ยเลี้ยงก็ไม่ได้มากมาย เพียงแต่ต้องใช้คนจำนวนมากพอสมควรในการแก้ปัญหาโควิด ทหารลงไปช่วยเยอะครับทั้งหมอทหาร พยาบาลทหาร จากรพ.ทหารที่มีอยู่ภูมิภาคของเรา 

นายกฯ กล่าวอีกว่า วันนี้ถ้าเราเปรียบเทียบงบฯกลาโหมในแต่ละประเทศ ประเทศไทยสัดส่วนของปี 64 กับ จีดีพีของเรา 1.31% ในส่วนของประเทศสิงคโปร 1 หมื่นกว่าล้านและเพิ่มเติมขึ้นไปอีก ญี่ปุ่น 1.5 แสนล้าน เกาหลีใต้ 5 หมื่นล้าน มาเลเซีย 1.5 หมื่นล้าน อินโดนีเซีย 3 หมื่นล้าน กัมพูชา 809 ล้าน เวียดนาม 1.6 หมื่นล้าน ตามสัดส่วนของจีดีพี เวลานำมาพูดกรุณาดูให้ทั่วถึงทั้งของเราของเขา เรื่องศักยภาพทางสงครามเป็นสิ่งสำคัญเราจำเป็นต้องมียุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยบ้าง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตของทหาร เพราะมีความเสี่ยงตลอดเวลา นั่นคือลูกหลานของท่านเราต้องดูแลเขาเป็นสิ่งจำเป็น กองทัพก็มีการพิจาณาจัดซื้อจัดหาตามความจำเป็นเพื่อทดแทนของเก่าที่หมดอายุ ฉะนั้นที่เมื่อครู่ท่านเอารถถังทิ้งน้ำ รถ 50 ปีมาแล้วนะครับเค้าถึงไปทิ้ง ซ่อมไม่ไหวแล้ว ไปใช้ประโยชน์อื่น ทำปะการังเทียม ทำอย่างอื่น ดีกว่าจอดทิ้งไปเฉยๆ ไม่ใช่ซื้อมา 10 ปีทิ้ง ตอนนี้ที่ใช้ในกองทัพอายุมากสุดก็ 30 ปี 40 ปี ซึ่งมันจะซ่อมไม่ไหวอีกต่อไป ท่านจะมองว่าการรบในวันนี้มันจะไม่เกิดขึ้น ท่านแน่ใจได้อย่างไร จากผลกระทบต่างๆตามแนวชายแดนอาจเริ่มจากเล็กๆน้อยๆ สิ่งเหล่านี้เป็นการประเมินแผนเผชิญเหตุไว้ล่วงหน้า ถ้าคิดกันแบบนั้นทหารก็ไม่ต้องมี อาวุธไม่ต้องใช้ เราไม่รู้จะรบกับใคร วันหน้าดูแลรับผิดชอบด้วยแล้วกัน วันนี้สถานการณ์รอบข้างมันจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตท่านทราบไหม ฉะนั้นต้องวางแผนล่วงหน้า

นายกฯ กล่าวต่อ ในเรื่องของหนี้จริงๆก็ส่งต่อมาหลายรัฐบาลแล้ว ผมก็ไม่มีเพิ่มขึ้นในสมัยรัฐบาลผม แต่เป็นหนี้ที่เกิดมูลค่าเช่น สารณูปโภคพื้นฐาน โครงสร้าง น้ำ รถไฟ รถไฟฟ้า ประชาชนทุกคนพอใจ ถ้าท่านมองว่าไม่ต้องทำก็ได้กู้มาแจกประชาชนอย่างเดียวดีกว่าไหม ผมว่าคิดแบบไม่ใช่หรอกครับ ฉะนั้นท่านคงอยู่แค่นี้แหละ ท่านบอกผมไม่รู้กฎหมายผมไม่จำเป็นต้องรู้ทั้งหมด แต่ผมรู้ว่าผมจะใช้กฎหมายได้อย่างไรโดยใช้คนทำหน้าที่ตรงนี้ให้อิสระเสรีในการตัดสินใจ ในการเสนอขอพิจารณาผมฟังคนทุกคน ในการแต่งตั้ง ก.ตร.ผมก็ใช้ ผบ.ตำรวจพิจารณาร่วมคณะกรรมการขึ้นมา ซึ่งผมคิดว่าผมทำได้ดีกว่าสมัยก่อนมากเหมือนกันนะลองไปดูก็แล้วกัน ที่ท่านพูดมาทั้งหมดก็คือปัญหาที่ท่านเจอมาแล้วทั้งสิ้นและท่านก็ไม่ได้แก้ ผมก็แก้ได้หลายอย่าง ส่วนหนี้ กยศ ครัวเรือน ยึดบ้าน ผ่อนรถ ก็ยังอยู่ในกระบวนการแก้ปัญหาของคกก.แก้หนี้ แล้วคอยดูประโยชน์จากเรื่องนี้หลาย 10 ล้านบัญชี ต้องทำให้หนี้เก่าหยุดไป แล้วหนี้ใหม่อาจจะต้องเกิดขึ้น เพื่อจะทำให้ทุกคนชำระหนี้ได้ ไม่งั้นบัญชีค้าง NPL ก็เกิดขึ้นธนาคารจะมีปัญหาเกินเงินสำรอง อย่าลืมว่าเค้าเป็นธนาคารพาณิยช์เงินต่างๆก็มาจากพวกเราฝากเค้าไป มันก็มีผลกับผู้ถือหุ้น นักลงทุนของเค้า มันคือระบบธุรกิจ

นายกฯ กล่าวอีกว่า ในเรื่องของกรณีที่กล่าวว่ามีมาตรการต่างๆเพื่อจะให้คนรักให้ผมเป็นนายกฯต่อ ผมว่าไม่ใช่ตรงนั้น จะอยู่ต่อหรือไม่อยู่ที่กระบวนการประชาธิปไตยในสภาฯก็ว่ากันไป ผมไม่สามารถไปหลอกล่อใครได้ ประชาชนเปิดหูเปิดตามากขึ้นแล้ว ส่วนตรงนี้กราบเรียนว่าปัญหาการทุจริตก็เช่นกัน ผมประกาศไปแล้ว ถ้าท่านมองตัวเลขการดำเนินคดีทั้งขรก.ทุกระดับชั้น ท่านบอกมันมีมาก เพราะมีคดีมาก สมัยก่อนมันมากกว่านี้แต่ไม่มีถูกดำเนินคดี ท่านคิดแบบนี้ได้ไหมลองไปเปรียบเทียบดู วันนี้มีใครถูกดำเนินคดีติดคุกตลอดชีวิตมีไหมที่ผ่านมา สมัยก่อนมีแต่หนีคดี วันนี้มีไหม คิดแบบนี้จะได้เป็นธรรม ส่วนรายได้ประเทศเราก็คาดการณ์ไว้ 5 ปีข้างหน้า เราถึงมียุทธศาสตร์ 5 ปีเรื่องลงทุน ปรับโครงสร้างเศรษฐ การลุงทีน EEC การลงทุนนิคมอุตสาหกรรม กำลังดำเนินการอยู่ ในช่วงไตรมาสนี้ที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นปีมีการลงทุนสูงขึ้นในประเทศไทย มีการขอรับการส่งเสริมของ BOI มากขึ้น วันนี้ต้องใช้โอกาสนี้คือบ้านเมืองเรามีความสงบสุข มีสเถียรภาพ มีความมั่นคง ไม่ใช่วุ่นวายอยู่ หลายท่านทราบทั้งหมด วันนี้มีการตรวจสอบว่าใครทำให้บ้านเมืองเสียหาย มีทุกอย่าง ผมไม่ได้ขู่ใครทั้งสิ้น เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมดำเนินการไป

นายกฯ เผยอีกว่า ในส่วนรัฐบาลเอง ทำหน้าที่ฝ่ายบริหาร ตำรวจก็อยู่ฝ่ายบริหาร แต่อย่าลืมอำนาจนิติบัญญัติ และอำนาจตุลาการ ซึ่งเป็นเรื่องของอัยการและศาล ผมก้าวล่วงไม่ได้ ผมทำเต็มที่ตำรวจทำเต็มที่ การที่กล่าวหาว่าจะไปใช้อำนาจกับประชาชนเยาวชนเด็ก แล้วมันใช่ที่ควรจะไปกันไหมครับ กฎหมายมีอยู่ทุกตัว แล้วท่านบอกผมใช้อาวุธ ผมไม่เห็นตำรวจใช้อาวุธจริงซักคน ท่านแยกออกไหมครับว่าอันไหนจริงปลอม กระสุนยาง ท่านเป็นถึง ผบ.ตำรวจนะครับ มีแต่ตำรวจที่ถูกยิงอยู่ทุกวัน ทำไมถึงมองว่าตำรวจใช้ความรุนแรง มันขัดแย้งความเป็นจริง ขัดแย้งภาพ อย่าเลือกดู ผมยืนยันไม่มีการสั่งการใช้อาวุธจริงทั้งสิ้น คอยดูต่อไปว่าใครจะทำให้เกิดเรื่องขึ้นมาด้วยแรงหนุนจากใคร นั่นเป็นเรื่องที่รัฐบาลและประเทศไทยต้องระมัดระวังที่สุด 







Recommend News





MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.