วันนี้ ( 26 ส.ค.62 ) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มีนโยบายการบริหารจัดการ การเข้ารับบริการของผู้ป่วยที่โรงพยาบาลเพื่อลดปัญหารอคิวรับยานาน เตรียมให้ผู้ป่วยสามารถรับยาจากร้านยาคุณภาพได้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ป่วย และช่วยลดปัญหาความแออัดในโรงพยาบาล ซึ่งเตรียมแผนนำร่องโรงพยาบาล 50 แห่ง และร้านยาคุณภาพ 500 แห่ง คาดเริ่ม 1 ตุลาคมนี้ทั่วประเทศ

จำกัดการจ่ายยาเฉพาะ 4 โรค เบาหวาน, ความดันโลหิตสูง, หอบหืด, จิตเวช ซึ่งเป็นกลุ่มโรคเรื้อรังที่ผู้ป่วยต้องได้รับยาต่อเนื่อง รวมจำนวนอยู่ที่ร้อยละ 40 ของผู้ป่วยที่เข้ารับบริการในโรงพยาบาล โดยผู้ป่วยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ เพิ่มเติม

การดำเนินการมี 3 ทางเลือก

1. โรงพยาบาลเป็นผู้จัดยาและส่งยาไปที่ร้านยาคุณภาพเพื่อจ่ายยาให้กับผู้ป่วย ซึ่งเป็นระบบเดียวกับที่ รพ.ศิริราชดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน

2. นำยาไปสำรองไว้ที่ร้านยาคุณภาพ และให้เภสัชกรร้านยาเป็นผู้จัดยาตามใบสั่งแพทย์ ต้องมีระบบจัดการคลังยา

3. ร้านยาคุณภาพเป็นผู้จัดซื้อยาและสำรองยาในการจ่ายยาให้กับผู้ป่วยเอง โดย รพ.เป็นผู้ตามจ่ายค่ายาให้ร้านยาคุณภาพ

***กรณีหากจำเป็นต้องเปลี่ยนยาต้องเป็นการสั่งเปลี่ยนจากหมอหรือโรงพยาบาลเท่านั้นไม่ใช่ร้านยาเปลี่ยนเอง

โดยจะมีการดูแลค่าใช้จ่ายบริหารจัดการของ รพ. และค่าใช้จ่ายของร้านยาคุณภาพในการจัดส่งยาให้กับผู้ป่วยที่จะจัดเพิ่มขึ้น ซึ่งนโยบายนี้ไม่บังคับให้ทุกโรงพยาบาลและผู้ป่วยต้องทำ เพราะโรงพยาบาลในต่างจังหวัดได้กระจายให้ผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูงรับยาที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) อยู่แล้ว

ดังนั้นขึ้นอยู่กับความสะดวกของผู้ป่วยและโรงพยาบาลเองว่าจะเลือกแบบใด จะรับยาที่ร้านขายยาหรือรับยาที่โรงพยาบาลเหมือนเดิม ทั้งนี้นโยบายนี้ยังสอดคล้องกับโครงการร้านยาชุมชนอบอุ่นที่ สปสช.ได้เดินหน้าแล้ว