คืบหน้า!! จนท.ที่ดินท่าอุเทน ออกโฉนดทับที่ซ้อน (มีคลิป)
26 ส.ค. 2562, 15:51
ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานความคืบหน้า กรณีชาวบ้านห้วยพระ หมู่ 9 และหมู่ที่ 14 ต.ท่าจำปา อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ถูกเจ้าหน้าที่ที่ดิน ร่วมมือกับนายทุนคนต่างถิ่นใช้อำนาจเงินเล่นแร่แปรธาตุ บุกรุกที่สาธารณประโยชน์ทั้งทุ่งเลี้ยงสัตว์ และลำห้วย ตลอดจนรุกล้ำที่ดินทำกินนับพันไร่ โดยมีเจ้าหน้าที่รัฐคอยให้ความช่วยเหลือ ซึ่งเรื่องดังกล่าวยืดเยื้อมานานกว่า 20 ปี ชาวบ้านเดินสายยื่นเรื่องร้องเรียนไปหลายหน่วยงาน แต่ทุกอย่างกลับเงียบราวไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ขณะที่นายทุนหลังมีเจ้าหน้าที่รัฐคอยแนะนำ ก็เหิมเกริมเดินหน้าบุกรุกที่ดิน โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย ยึดเอาแม้กระทั่งถนนทางหลวงชนบท เมื่อมีการสอบถามก็โบ้ยให้ไปคุยกันเอง ชาวบ้านจึงจับมือกันลุกขึ้นสู้ต่อ พร้อมใจกันร้องเรียนหน่วยงานที่คาดว่าจะให้ความเป็นธรรมต่อพวกตนได้
ยิ่งตรวจสอบก็พบความไม่ชอบมาพากลเพิ่มขึ้น ประจานความฉ้อฉลที่คนของรัฐกระทำกับคนยากจน เมื่อพบว่าการออกโฉนดที่ดินประเคนให้นายทุนนั้น มีการเร่งรัดรวบรัดให้ได้มาซึ่งความถูกต้องทางกฎหมาย จากนั้นก็ฟ้องร้องต่อศาลเพื่อขับไล่ให้ออกจากที่ ชาวบ้านสู้ก็แพ้เพราะมีเจ้าหน้าที่ที่ดินรับอาสาเป็นพยานฝ่ายโจทก์ เบิกความอันเป็นประโยชน์ต่อนายทุน ชาวบ้านจึงถูกพิพากษาให้แพ้คดี
เช่น กรณีของนายยศ สาเส็ง อายุ 64 ปี บ้านเลขที่ 123 หมู่ 9 บ้านห้วยพระ ต.ท่าจำปา ปัจจุบันพิการทางหูขั้นรุนแรง ต้องใช้เสียงตะโกนถึงจะได้ยินและเข้าใจ ได้ถือครองใบจองระบุออกให้วันที่ 6 สิงหาคม 2528 ทะเบียนเล่มที่ 2 หน้า 148 สารบบเล่มหมู่ที่ 9 เลขที่ 240 ภายหลังนำมาออกเป็น นส.3 ก. เมื่อปี 2534 และถือครองทำกินเรื่อยมา ภายหลังเมื่อมีการร้องเรียนเรื่องการออกเอกสารสิทธ์ทับที่สาธารณะรวมไปถึงที่ดินของชาวบ้าน ของนายทุน นายยศ จึงได้ยื่นเรื่องขอรังวัดเพื่อออกโฉนด และได้รับโฉนดที่ดินเลขที่ 34786 เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2560 เนื้อที่จำนวน 29 ไร่ 2 งาน 87 ตารางวา แต่เมื่อทำการตรวจสอบตำแหน่งที่ตั้งของโฉนด ในระบบแอปพลิเคชันของกรมที่ดิน เพื่อหาตำแหน่งรูปแปลงที่ดินของตนเองแต่ไม่พบ แต่กลับพบว่าตำแหน่งที่ดินของตนมีโฉนดเลขที่ 19335 ครอบทับอยู่แทน นายยศ จึงยื่นเรื่องให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ประจำจังหวัดนครพนม ให้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีมีเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบพร้อมเดินทางมาขอตรวจสอบสาระบบการออกโฉนดของที่ดินทั้งสองแปลงว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรกันแน่
ล่าสุด วันที่ 26 สิงหาคม 2562 นายยศ ได้เดินทางไปสำนักงานที่ดินจังหวัดนครพนม สาขาท่าอุเทน พร้อมกับนางสาวปานทอง สาเส็ง อายุ 37 ปี ลูกสาว เพื่อยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานที่ดินตรวจสอบสาระบบ แต่ นายชัยนันท์ กั้นชัยภูมิ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนครพนม สาขาท่าอุเทน อ้างติดราชการในจังหวัด จึงมีนายทีราช คำเฉลียว นักวิชาการที่ดินชำนาญการ เป็นผู้ตรวจสอบสาระบบให้แทน ซึ่งพบว่ามีการออกโฉนดทับกันจริง แต่เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา นายทุนได้มีหนังสือถึงสำนักงานที่ดินฯ เพื่อขอรังวัดตรวจสอบเขตที่ดิน จำนวน 16 แปลง จึงต้องรอผลการสรุปจากเจ้าหน้าที่รังวัดเสนอต่อผู้บังคับบัญชา แล้วก็จะเชิญผู้เชี่ยวชาญที่เป็นคณะกรรมการ ทั้งในพื้นที่อำเภอท่าอุเทน ในจังหวัดนครพนม และจากส่วนกลาง แจ้งอย่างเป็นทางการอีกครั้งว่า มีการรุกล้ำที่ดินสาธารณะและที่ทำกินของชาวบ้านหรือไม่อย่างไร
รายงานเพิ่มเติมว่าที่ดินของ นายยศ เมื่อครั้งเป็น นส.3 ก. นั้น เลขที่ 38 หน้าระวาง 5944 แผ่นที่ 142 แต่ขณะเดียวกันมีที่ดิน นส.3 ก. ของนายเขิง ยางเบือก (ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) ซึ่งอยู่ข้างเคียงกับที่ดิน นายยศ มีเพียงทางเกวียนกั้นเท่านั้น และได้ขายที่แปลงดังกล่าวให้กับนายทุนอย่างถูกต้อง ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเร่งรัดการออกโฉนดมากเกินไป และมีการออกโฉนดแปลงหมายเลข 19242 โดยใช้ นส 3.ก เนื้อที่ ประมาณ 30 ไร่ออกเป็นโฉนด เนื้อที่ประมาณ 70 ไร่ เป็นเหตุให้ไปทับที่ดินของ นายเขิง ซึ่งถือครอง นส.3 ก เนื้อที่ประมาร 45 ไร่ ต่อมา นายเขิง ได้ขายที่ดิน นส. 3 ก ให้นายทุนและนายทุนได้นำมาขอออก โฉนดแต่ที่ดินแปลงดังกล่าวถูกนำไปออกโฉนดแปลงหมายเลข 19242 ไปแล้ว เจ้าหน้าที่ที่ดินที่ออกรังวัดในสมัยนั้นจึงนำมาออกทับที่ของ นายยศ ที่ถือครอง เอกสารเป็น นส. 3 ก.เช่นกันเป็นโฉนดที่ดินหมายเลข 19335 แต่ยังไม่ทันที่นายทุนจะฟ้องขับไล่ นายยศ เหมือนกับที่ได้กระทำกับชาวบ้านคนอื่นๆ นายยศ ทราบเรื่องก่อนว่า ที่ดินของตนอาจจะถูกออกเอกสารสิทธิ์ ทับจึงได้นำเรื่องเข้าร้องเรียนกับทางการพร้อมนำสื่อมวลชนลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบและยื่นเรื่องขอออกโฉนด ตามหลักฐาน นส.3 ก ของตนเองต่อสำนักงานที่ดินจังหวัดนครพนมสาขาท่าอุเทนเมื่อปี 2559 ซึ่งสำนักงานที่ดินจังหวัดนครพนมสาขาท่าอุเทนก็ได้ออกรังวัดพร้อมออกโฉนดให้ตามคำขอ แต่กลับกลายเป็นว่าเป็นการออกโฉนดทับกันกับโฉนดที่ดินหมายเลข 19335 ที่เป็นที่ดินของ นายเขิง ซึ่งได้ขายให้นายทุนไปแล้ว
น.ส.ปานทอง สาเส็ง ลูกสาวของ นายยศ เล่าว่าตอนนายทุนบุกรุกที่ดินนั้น พ่อก็ไม่สบายใจเพราะมีเพียง นส.3 ก. จึงไปปรึกษาเจ้าพนักงานที่ดิน ก็ได้รับคำแนะนำให้ยื่นเรื่องขอรังวัดเพื่อออกโฉนด ซึ่งพ่อก็ทำตามทุกอย่าง มีเจ้าหน้าที่ไปปักหมุดโฉนดชัดเจน แต่ขณะนั้นไม่ทราบมาก่อนว่าพื้นที่ตรงนั้น นายทุนได้แอบออกเป็นโฉนดไปก่อนแล้ว ที่ดินของพ่อตนจึงเป็นโฉนดทับโฉนด หมุดที่ดินทับหมุดที่ดิน ถึงขณะนี้ยังไม่รู้ว่ากรมที่ดินจะพิจารณาออกมาเป็นอย่างไร แต่จากการตรวจสอบหลักฐาน มีแต่ชื่อนายทุนระบุเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ทั้งหมด