ศธ.เผยแนวทางฉีดไฟเซอร์ นร.-นศ. ยันต้องได้รับอนุญาตจากผู้ปกครองก่อน
14 ก.ย. 2564, 10:26
เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2564 นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เป็นประธานการแถลงข่าวเตรียมความพร้อมเปิดภาคเรียนที่ 2/2564 สถานศึกษาปลอดภัย เด็กได้รับวัคซีนถ้วนหน้า โดยมี ดร.พะโยม ชิณวงศ์ ประธานคณะทำงาน รมช.ศธ.(กนกวรรณ วิลาวัลย์), ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ, นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค, นพ.สราวุฒิ บุญสุข รองอธิบดีกรมอนามัย, รศ.(พิเศษ) นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ นายกสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย, ดร.อัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, ดร.สุเทพ แก่งสันเทียะ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา, ดร.วีระ แข็งกสิการ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ เข้าร่วมแถลงข่าว ณ อาคารราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ
นางสาวตรีนุช เทียนทอง กล่าวว่า ศธ.ได้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) อย่างใกล้ชิด และมีการถอดบทเรียนจากการจัดการเรียนการสอน 5 รูปแบบ หรือ 5 On ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 เพื่อนำไปสู่การกำหนดแนวทางการเปิดภาคเรียนต่อไปให้มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
จากการหารือร่วมกัน 3 กระทรวง คือ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงมหาดไทย เบื้องต้นมีแนวทางในการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 ได้แก่
แผนการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ (Pfizer) 2 เข็ม ให้แก่กลุ่มผู้ที่มีอายุ 12 ปี จนถึง 17 ปี 11 เดือน 29 วัน ณ วันที่ฉีด โดยจะอนุโลมให้แก่กลุ่มนักเรียนนักศึกษาที่มีอายุเกิน 17 ปี 11 เดือน 29 วันด้วย ซึ่งจะครอบคลุมนักเรียนนักศึกษา ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) หรือเทียบเท่า รวมถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่มีอายุ 12 ปี ตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป โดยจะเริ่มฉีดให้แก่นักเรียน นักศึกษา ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) จำนวน 29 จังหวัดก่อน พร้อมตั้งเป้าหมายให้นักเรียน นักศึกษาทุกคน ได้รับวัคซีน Pfizer เข็มที่ 1 อย่างครบถ้วน ซึ่งที่ประชุม ศบค. ชุดใหญ่ โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. ได้อนุมัติในหลักการให้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้แก่นักเรียน นักศึกษาทุกสังกัด กว่า 4.5 ล้านคน ทั้ง ศธ. กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โรงเรียนพระปริยัติธรรม โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน และกรุงเทพมหานคร แผนการดำเนินโครงการโรงเรียน Sandbox Safety Zone in School (SSS) ซึ่งเป็นมาตรการสำหรับโรงเรียนประจำ เช่น โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ และโรงเรียนเอกชนที่มีความพร้อม โดย ศธ.จะประสานกับ สธ. ในการลงพื้นที่ตรวจโรงเรียน ที่จะประสงค์เข้าร่วมโครงการ ว่าเป็นไปตามมาตรการที่วางไว้หรือไม่
ทั้งนี้ การเป็นโรงเรียน SSS มีเงื่อนไข 3 ข้อ คือ 1) เป็นโรงเรียนประจำ 2) เป็นไปตามความสมัครใจและ 3) ผ่านการประเมินความพร้อม โดยต้องแจ้งความประสงค์ผ่านต้นสังกัด มีการหารือร่วมกับผู้ปกครองและผ่านความเห็นชอบ จากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด จัดให้มีสถานแยกกักตัวในโรงเรียน (School Isolation) จัดให้มี Safety Zone ในโรงเรียน มีการติดตามประเมินผลโดยทีมตรวจราชการของ ศธ. และ สร. รวมถึงมีการรายงานผลผ่าน MOE COVID และ Thai Stop Covid Plus ซึ่งในขณะนี้มีสถานศึกษาจำนวน 15,465 แห่ง ที่อยู่ในเขตพื้นที่สีแดงเข้ม 29 จังหวัด โดยใน 12 จังหวัด มีสถานศึกษาจำนวน 1,687 แห่ง ที่อยู่ในเขตพื้นที่ 45 อำเภอปลอดเชื้อ แบ่งเป็น สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) 1,305 แห่ง สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) 111 แห่ง สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) 21 แห่ง และสังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) 250 แห่ง ซึ่ง ศธ. จะพิจารณาความพร้อมของสถานศึกษาสำหรับการเปิดภาคเรียนตามบริบทที่เหมาะสม
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า เป้าหมายสำคัญของรัฐบาลคือโรงเรียนสามารถเปิดเทอมได้ นักเรียนไปโรงเรียนได้ ซึ่งการฉีดวัคซีนเป็นอีกมาตรการหนึ่งที่ใช้ควบคุมโรคระบาด โดยต้องเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และเป็นวัคซีนที่มีคุณภาพโดยเฉพาะการนำมาใช้กับเด็ก
ขณะนี้ รัฐบาลได้จัดหาวัคซีน mRNA ที่มีประสิทธิภาพและมีคุณภาพ คือ ไฟเซอร์ และโมเดอร์นา จำนวน 30 ล้านโดส โดยจะนำเข้ามาในประเทศช่วงปลายเดือนกันยายนนี้ เมื่อผ่านขั้นตอนการทดสอบคุณภาพแล้ว จะเร่งฉีดให้นักเรียนช่วงต้นเดือนตุลาคมตามความสมัครใจ และความยินยอมจากผู้ปกครอง สำหรับการฉีดวัคซีนให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ยังไม่ได้รับวัคซีน มีแผนการจัดสรรวัคซีนในเดือนตุลาคมเช่นกัน กระทรวงสาธารณสุขยืนยันว่าวัคซีนที่จัดหามาฉีดให้นักเรียน เป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพและมีคุณภาพอย่างแน่นอน
นายสุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยถึงช่วงเวลาการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้แก่นักเรียนอายุ 12-18 ปีว่า ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายนนี้ ศธ.-สธ.จะจัดประชุมออนไลน์กับสถานศึกษา เพื่อซักซ้อมเตรียมการสื่อสารข้อมูลให้แก่ผู้ปกครองและชุมชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สถานศึกษาจัดประชุมสื่อสารข้อมูลเพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกับผู้ปกครอง ในการอนุญาตยินยอมให้นักเรียนอายุ 12-18 ปี ได้รับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ โดยคาดว่าจะเริ่มฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ให้นักเรียนอายุ 12-18 ปี ในต้นเดือนตุลาคมนี้ และฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ในช่วงปลายเดือนตุลาคม (Pfizer 2 เข็ม ระยะห่างจะอยู่ที่ 3-4 สัปดาห์) ส่วนการเปิดภาคเรียนที่ 2/2564 จะพิจารณาแยกตามข้อกำหนด มาตรการ และสถานการณ์ของแต่ละพื้นที่