รวบตัว ! 2 หนุ่มสาวเครือข่าย “อีฟ บ่อญี่ปุ่น” คาด่าน พร้อมยึดยาบ้าซุกกระบะ 1.2 แสนเม็ด
20 ก.ย. 2564, 13:25
ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธิ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ให้สกัดกั้นยาเสพติด ขบวนการลักลอบขนยาเสพติด จากแนวชายแดนเข้ามาจำหน่วยในพื้นที่ตอนใน ซึ่งในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ให้เพิ่มความเข้มของด่านตรวจและสืบสวนหาข่าว
วันนี้ 20 ก.ย.64 ที่ สภ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี พล.ต.ต.วรณัน สุขเจริญ ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี มอบหมายให้ พ.ต.อ.กฤตชัย ทองอยู่ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ร่วมกับ พ.ต.อ.บุญส่งวิทย์ ห้องแซง ผกก.สภ.ทองผาภูมิ พ.ต.อ.สุกิจ ก้องจตุศักดิ์ ผกก.ตชด.13 (ค่ายพระพุทธยอดฟ้า) พ.อ.เฉลิมพล สังข์ต้อง รอง ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอทองผาภูมิ แถลงข่าวการจับตัวขบวนการค้ายาเสพติดเครือข่าย “ อีฟ บ่อญี่ปุ่น” จำนวน 4 ราย
ประกอบด้วย นายอัครเดช น.ส.กมลเนตร (เยาวชน) นายสมรักษ์ และนายภานุมาศ พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 120,000 เม็ด รถยนต์กระบะ จำนวน 2 คัน
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 19 ก.ย.64 ที่ผ่านมา พ.ต.อ.บุญส่งวิทย์ ห้องแซง ผกก.สภ.ทองผาภูมิ ได้รับแจ้งจากสายข่าวว่าจะมีขบวนการลักลอบนำยาเสพติดมาจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในประเทศไทยโดยใช้รถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์ เป็นพาหนะในการซุกซ่อนยาเสพติด หลังจากได้รับแจ้งจึงรายงานให้ พล.ต.ต.วรณัน สุขเจริญ ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.กฤตชัย ทองอยู่ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรีทราบ
แล้วเร่งสั่งการให้ พ.ต.ท.ธีรพร วิจิตรบรรณการ รอง ผกก.สส.สภ.ทองผาภูมิ พ.ต.ท.เกียรติศักดิ์ วิเศษสิงห์ รอง ผกก.ป.สภ.ทองผาภูมิ พ.ต.ต.ภาวัต ธรรมวิเศษ สว.สส.สภ.ทองผาภูมิ ร.ต.อ.วีระชัย เกษเกสร รอง สว.สส.สภ.ทองผาภูมิ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.ทองผาภูมิ ประชุมวางแผนพร้อมออกหาข่าวในการติดตามจับกุม พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ เจ้าหน้าที่ ตชด.ที่ 135 เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอทองผาภูมิ เจ้าหน้าที่ กก. ปส.4 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ภ.จว.กาญจนบุรี ร่วมกันสกัดจับที่บริเวณจุดตรวจร่วมสามแยกทองผาภูมิ หมู่ 1 ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
จนกระทั่งเวลาประมาณ 11.30 น.เจ้าหน้าที่พบรถยนต์กระบะลักษณะตรงตามที่ได้รับแจ้งจากสายขับมาจากทางด้านอำเภอสังขละบุรี มุ่งหน้าตัวจังหวัดกาญจนบุรีวิ่งผ่านมาโดยคนขับเป็นชายส่วนผู้ที่โดยสารมาด้วยกันเป็นหญิง เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวพร้อมกับส่งสัญญาณเรียกให้หยุดเพื่อขอตรวจค้น
จากการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ปรากฏพบลังกระดาษซุกซ่อนอยู่ใต้เบาะหลังคนขับเมื่อเปิดดูพบถุงปุ๋ย 1 ใบภายในมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 12 แท่ง นับรวมกันได้ จำนวน 120,000 เม็ด เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวคนขับพร้อมผู้ที่โดยสารมาด้วยกันเอาไว้ ทราบชื่อคือนายอัครเดช และ น.ส.กมลเนตร (เยาวชน)
หลังจากเจ้าหน้าที่คุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางเอาไว้ได้จึงทำการสอบสวนเพื่อทำการขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการ โดยนายอัครเดช ชุ่มเสนา ให้การยอมรับสารภาพว่า ตนได้รับการว่าจ้างจากนางอีฟ ไม่มีนามสกุล ชาวชุมชนบ้านบ่อญี่ปุ่น ประเทศเมียนมา ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน เป็นเงินจำนวน 5,000 บาท ให้ขับรถยนต์กระบะไปส่งยาบ้าให้กับลูกค้าในเขตพื้นที่ ต.ลาดหญ้า อ.เมืองกาญจนบุรี แต่ตนไม่รู้เส้นทาง นางอีฟจึงให้ น.ส.กมลเนตร ลูกสาว เดินทางมาด้วยเพื่อบอกเส้นทางและจุดนัดหมาย
หลังจากเจ้าหน้าที่ทราบข้อมูลจึงนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 เดินทางมาวางแผนในการขยายผลที่บริเวณจุดตรวจบ้านหนองสามพราน ต.ลาดหญ้า อ.เมืองกาญจนบุรี ด้วยการให้ผู้ต้องหาโทรศัพท์ไปสอบถามนางอีฟ เจ้าของยาบ้าเพื่อสอบถามจุดที่ให้นำยาบ้าไปวางทิ้งไว้ แต่เนื่องจากสัญญาณไม่ดีนางอีฟจึงประสานไปยังนายนายปราโมทย์ บัวทอง สามีและเป็นพ่อของ น.ส.กมลเนตร เป็นผู้สั่งการแทน
โดยนายประโมทย์ได้ให้ผู้ต้องหานำยาบ้าไปวางทิ้งเอาไว้บริเวณต้นไม้ใหญ่ใกล้กับ อบต.ลาดหญ้า เจ้าหน้าที่จึงรีบนำตัวผู้ต้องหาไปดำเนินการตามแผน พร้อมประสานไปยัง พ.ต.อ.บัญชา ศรีรุจิเมธากร ผกก.สภ.ลาดหญ้า เพื่อขอกำลังในการสนับสนุน ไปถึงพบพื้นที่โดยรอบเป็นป่ารกทึบ เจ้าหน้าที่จึงวางกำลังจำนวนหนึ่งซุ่มโป่งอยู่ภายในป่า
จนกระทั่ง 15.30 น. พบรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ สี่ประตู สีเทา-ดำ ขับมาจอด โดยมีชายที่นั่งอยู่เบาะซ้ายเดินลงมาหยิบเอายาบ้า เจ้าหน้าที่ชุดซุ่มโป่งจึงรีบแสดงตัวเข้าจับกุม แต่ผู้ต้องหาเห็นเจ้าหน้าที่เสียก่อนจึงทิ้งยาเสพติดแล้ววิ่งไปขึ้นรถโดยคนขับได้เร่งเครื่องหลบหนีไปทางด้าน ต.บ้านเก่าอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงไล่ติดตามไปอย่างกระชั้นชิดและสุดท้ายก็สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองเอาไว้ได้ ทราบชื่อคือนายสมรักษ์ และนายภานุมาศ ยั่งยืน
หลังจากคุมตัวผู้ต้องหาเอาไว้ได้จึงนำตัวมายังจุดเกิดเหตุเพื่อทำการขยายผล โดยทั้งสองให้การยอมรับสารภาพว่า จะนำยาบ้า จำนวนดังกล่าวไปส่งให้กับนายโต้ง ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง โดยได้ค่าจ้างเป็นเงินจำนวน 10,000 บาท ระหว่างนั้นบุคคลที่ชื่อนายโต้ง ได้โทรศัพท์ติดต่อมาหานายสมรักษ์ ผู้ต้องหาตลอดเวลา จากนั้นนายโต้งได้ตัดสายโทรศัพท์ คาดว่านายโต้งคงไหวตัวทัน จึงไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย
เจ้าหน้าที่จึงหยุดทำการขยายผล แล้วนำตัวผู้ต้องหาไปตรวจค้นบ้านพักของผู้ต้องหาทั้งสองแต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิเพื่อดำเนินคดีพร้อมรวบรวมพยานหลักฐานในการขออนุมัติหมายจับผู้ร่วมขบวนการต่อไป