เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



แอสตร้าฯ ลงนามจัดหาวัคซีนให้ไทย เพิ่ม 60 ล้านโดส ส่งมอบปี 2565


29 ก.ย. 2564, 16:50



แอสตร้าฯ ลงนามจัดหาวัคซีนให้ไทย เพิ่ม 60 ล้านโดส ส่งมอบปี 2565




วันนี้ (29 ก.ย.64) มีรายงานว่าบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด แจ้งว่า แอสตร้าเซนเนก้า และรัฐบาลไทย ได้ร่วมลงนามในสัญญาการจัดซื้อวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพิ่มอีก 60 ล้านโดส สำหรับการทยอยส่งมอบในปี 2565 เพื่อสนับสนุนแผนการฉีดวัคซีนของกระทรวงสาธารณสุข

ตามข้อตกลงในสัญญาฉบับดังกล่าว แอสตร้าเซนเนก้าจะทำการจัดหาวัคซีนจำนวน 60 ล้านโดสให้แก่รัฐบาลไทยภายในไตรมาสที่ 3 ของปี 2565 เพิ่มเติมจากข้อตกลงการจัดซื้อวัคซีนจำนวน 61 ล้านโดส ซึ่งจะทยอยส่งมอบภายในปี 2564 โดยในปีนี้ แอสตร้าเซนเนก้าได้ส่งมอบวัคซีนรวมแล้วทั้งสิ้นจำนวน 24.6 ล้านโดส ซึ่งรวมยอดวัคซีนที่ส่งมอบวัคซีนในเดือนกันยายนจำนวน 8 ล้านโดสแล้ว

 



ภายใต้สัญญาฉบับใหม่นี้ รัฐบาลไทยสามารถเลือกที่จะเปลี่ยนจากวัคซีนรุ่นเดิมของแอสตร้าเซนเนก้าเป็นวัคซีนรุ่นใหม่อย่าง AZD2816 ซึ่งจะต้องผ่านการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของประเทศไทยต่อไป ขณะนี้ AZD2816 ซึ่งเป็นวัคซีนรุ่นใหม่ กำลังอยู่ระหว่างการวิจัยในเฟสที่ 2 และ 3 โดยคาดว่าวัคซีนรุ่นใหม่นี้จะสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ต่างๆ รวมถึงสายพันธุ์กลายพันธุ์หลัก ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยจะมีการระบุกำหนดการส่งมอบวัคซีนรุ่นใหม่นี้ในลำดับต่อไป

นายเจมส์ ทีก ประธาน บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “สัญญาการจัดซื้อวัคซีนฉบับใหม่นี้ ถือเป็นก้าวที่สำคัญของเราในการร่วมสนับสนุนรัฐบาลไทยในการลดการติดเชื้อโรคโควิด-19 ในประเทศ และควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์เดลต้า เรามุ่งมั่นที่จะทำหน้าที่เพื่อคนไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเรารู้สึกขอบคุณรัฐบาลไทยที่เชื่อมั่นในความร่วมมือกับแอสตร้าเซนเนก้าเสมอมา

 


ทั้งนี้ แอสตร้าเซนเนก้าและพันธมิตรผู้ผลิตได้ส่งมอบวัคซีนป้องกันโควิด-19 กว่า 1.3 พันล้านโดสให้แก่ประเทศต่างๆ กว่า 170 ประเทศทั่วโลก โดย 2 ใน 3 ของจำนวนวัคซีนดังกล่าวได้ถูกส่งมอบให้กับกลุ่มประเทศที่มีรายได้ต่ำและกลุ่มประเทศที่มีรายได้ปานกลางค่อนไปทางต่ำ

นับตั้งแต่มีการเริ่มใช้วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าครั้งแรกในช่วงต้นปี 2564 วัคซีนได้สร้างประโยชน์อันยิ่งใหญ่ในการช่วยชีวิตผู้คนมากมายและป้องกันอาการเจ็บป่วยจากโรคโควิด-19 ในระดับที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล1
 
สำหรับ วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า (ChAdOx1-S [Recombinant]) เดิมเรียก AZD1222 ถูกคิดค้นและพัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดและบริษัท วัคซีเทค ซึ่งก่อตั้งโดยมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด วัคซีนดังกล่าวพัฒนาโดยการนำส่วนของสารพันธุกรรมที่ใช้ในการถอดรหัสการสร้างหนามโปรตีนผิวเซลล์ของไวรัสโคโรนา SARS-CoV-2 ใส่ในโครงของอะดีโนไวรัสซึ่งก่อให้เกิดโรคไข้หวัดทั่วไปในลิงชิมแปนซีที่ถูกทำให้อ่อนแรงลงและไม่สามารถแบ่งตัวได้ โดยหลังจากฉีดวัคซีนเซลส์ในร่างกายมนุษย์จะตอบสนองโดยการสร้างโปรตีนที่มีลักษณะเดียวกันกับหนามโปรตีนผิวเซลล์ของไวรัสโคโรนา SARS-CoV-2 ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ในกรณีที่ได้รับเชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกายในภายหลัง

ทั้งนี้ AZD2816 ถูกพัฒนาขึ้นมาจากโครงของอะดีโนไวรัสเช่นเดียวกันกับ วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า (Vaxzevria) โดยการพัฒนาวัคซีนรุ่นใหม่นี้มีการปรับแต่งให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสารพันธุกรรมที่เกิดขึ้นในหนามโปรตีนผิวเซลส์ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์เบตา (B.1.351 หรือสายพันธุ์แอฟริกาใต้) จำนวน 10 ตำแหน่ง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในหลายตำแหน่งนี้มีลักษณะที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงที่พบในไวรัสโคโรนาสายพันธุ์กลายพันธุ์อื่นๆ ที่กำลังแพร่ระบาด โดยการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวส่งผลให้เกิดการลดความสามารถของแอนติบอดี้ที่ถูกกระตุ้นเพื่อยับยั้งการเข้าสู่เซลล์ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ดั้งเดิม (ผลจากการเปลี่ยนแปลงของหนามโปรตีนไวรัสในตำแหน่ง K417N, E484K, N501Y) เพิ่มความสามารถในการติดเชื้อขึ้นจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์แรกดั้งเดิม (ผลจากการเปลี่ยนแปลงของหนามโปรตีนไวรัสในตำแหน่ง  D614G) และลดความไวต่อแอนตี้บอดี้ในการยับยั้งไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ดั้งเดิม (ผลจากการเปลี่ยนแปลงของหนามโปรตีนไวรัสในตำแหน่ง L452R) ทั้งนี้การปรับแต่งดังกล่าวเป็นเพียงการปรับแต่งย่อย วัคซีน AZD2816 และวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้ารุ่นแรกไม่มีข้อแตกต่างในองค์ประกอบด้านอื่นๆ 

ที่มา แนวหน้า






Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.