ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แบคโฮ สองคัน และคนงานอีก ว่า 10 คน กำลังช่วยกันผูกเหล็กโครงสร้าง และเทคอนกรีต ในลักษณะของขั้นบันได ตามรูปแบบของโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเล ที่ ได้ทำโครงการขึ้น โครงการดังกล่าวอยู่บริเวณหาดทรายรี พื้นที่ชายฝั่ง หมู่ที่ 6 ตำบลหาดรี อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร  และมีบริษัท ช. ฐานเพชร  เป็นคู่สัญญาในการก่อสร้างในครั้ง ซึ่งจะใช้เวลาประมาณกว่า 700 วัน หรือ หมดสัญญา ใน ปี 2565

นายหัสฆเนศ   ไชยะคำ อายุ 24 ปี โฟร์แมนของบริษัท ช. ฐานเพชร  คุมงานก่อสร้างโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเล   เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า โครงการดังกล่าวมีความยาวประมาณ 633 เมตร  เรียกได้ว่าทำตลอดแนวชายหาด งบประมาณ ที่ใช้ประมาณ 82 ล้าน โดยโครงการดังกล่าวจะมีการทำแนวกันคลื่นเพื่อป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง โดยจากเดิมพื้นที่จุดนี้ก็มีแนวป้องกันการกัดเซาะอยู่แล้ว โดยจะเป็นในลักษณะกำแพงแนวตั้ง  ซึ่งเมื่อกำแพงเดิมได้รับความเสียหาย ก็ได้มีโครงการนี้ขึ้นมาเพื่อปรับปรุงใหม่ โดยจากเดิมที่เป็นแนวตั้งก็ปรับให้เป็นลักษณะลาดลงไปในชายหาด ความยาวของแนวกันคลื่นนั้น มีความยาวประมาณ 10 เมตร จากด้านบนไปจนถึงพื้นด้านล่างบริเวณชายหาด การก่อสร้างเป็นลักษณะของขั้นบันได ประมาณ 10 ขั้น ยื่นลงไปบนชายหาด โดยขั้นบันไดประมาณ 2-3 ขั้นสุดท้ายนั้น เมื่อสร้างแนวเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเลเสร็จเรียบร้อยแล้วมีการปรับชายหาดให้เหมือนเดิมนั้น บันได 2-3 ขั้นก็จะถูกฝังลงในทราย  แต่เมื่อถึงฤดูกาลที่น้ำทะเลลง ก็จะสามารถเห็นขั้นบันไดที่ถูกทรายฝั่งไว้  โครงการนี้นอกเหนือจากทำแนวกันคลื่นป้องกันตลิ่งผังแล้ว ยังเป็นการปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณแนวชายหาดด้วย โดยด้านจะมีการปูตัวหนอนเป็นทางเดินให้นักท่องเที่ยวได้เดินเล่นให้ชาวบ้านได้ออกกำลังกาย เป็นความกว้างประมาณ 5 เมตร ตลอดแนวชายฝั่ง

จากการสอบถามในเรื่องของผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดจากการ สร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเลแห่งนี้นายหัสฆเนศ  กล่าวว่า จากที่มีหลายๆที่ได้ก่อสร้างเขื่อนในลักษณะนี้ หากในช่วงที่น้ำทะเลขึ้นคลื่นก็จะพัดเอาทรายขึ้นมาปิดตัวบันไดที่ยื่นลงไปในชายหาด ความสวยงามหาดทรายก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม ไม่ได้กระทบต่อความสวยงามหรือระบบนิเวศชายฝั่ง

ด้าน นายจงรักษ์  พุทธศรี อายุ 73 ปี อยู่บ้านเลขที่ 62/2 หมู่ที่ 7 ตำบลหาดทรายรี อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร ชาวบ้านที่เห็นหาดทรายรีมาตั้งแต่เกิด เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าส่วนตัวไม่เห็นด้วยมานานแล้วไม่ว่าจะมีการสร้างเขื่อนที่ไหน ที่จังหวัดไหน โดยตนเองก็จะไปช่วย ถ้าไม่ได้ไปก็จะส่งใจ ส่งเงินไปช่วย แต่ครั้งนี้มาเกิดที่บ้านเรามันสะท้อนให้ว่าทำไมไม่มีใครมาช่วยคัดค้านกับเราบ้าง คนหาดทรายรีเงียบเกินไป ไม่ค่อยมีปากมีเสียง จะทำอะไรก็ทำ  ตนเองเห็นแล้วก็เสียดาย  เสียดายของเก่า นึกถึงช่วงเวลาที่สามารถเดินเล่นริมหาดได้ หลายๆที่ในจังหวัดชุมพร หาดทุ่งวัวแล่น หาดปะทิวก็ไม่เห็นต้องมีเขื่อน  แต่ทำไมที่หาดทรายรีแห่งนี้ต้องทำ  ซึ่งหากเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเลแห่งนี้ถูกสร้างแล้วเสร็จนั้น เชื่อว่าระบบนิเวศจะเสียหายเป็นอย่างมากแน่นอน  สิ่งแรกคือจะไม่มีหาดให้ดู ประมงชายฝั่งที่จะหาปลา หาหอยเสียบ ตกปลาทรายชายฝั่ง ปูทะเล  ปูลม ก็จะหายไป  ชาวประมงชายฝั่งก็จะหายไป เพราะไม่มีสัตว์น้ำมาอาศัย  แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจน ว่าระบบนิเวศเสียหายอย่างแน่นอน

สำหรับหาดทรายรีแห่งนี้ เป็น 1 ในแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อที่สุดของจังหวัดชุมพร เป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ ที่มีผู้คนจำนวนมากหลั่งไหลมาขอพรจากเสด็จในกรมหลวงชุมพร เป็นสิริมงคลในการดำรงชีวิต มีชายหาดที่กว้าง ทอดยาว นับกิโลเมตร ด้านหน้าของหาด จะมีเกาะแก่งสวยตระหง่าน นั้นคือเกาะมะพร้าว เป็นเกาะสัมปทานรังนก ที่อยู่ไม่ใกล้จากหาดมานัก มีเขาเจ้าเมือง สามารถขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์มุมสูง มองน้ำสีครามใส แต่วันนี้หาดทรายที่ทอดยาว สามารถวิ่งเล่น จับปูลม กำลังจะเปลี่ยนไป ระบบนิเวศน์กำลังจะถูกทำลาย ทัศนียภาพกำลังถูกกลืนหาย เพราะโครงการก่อสร้างที่ภาครัฐยัดเยียน ลงมา โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบและความรู้สึกของคนชุมพรที่หวงแหนแผ่นดินบ้านเกิด รัฐกำลังทำลายดังคำขวัญ ชุมพร ที่ว่า “ชุมพร ประตูภาคใต้ ไหว้เสด็จในกรม ชมไร่กาแฟ แลหาดทรายรี ดีกล้วยเล็บมือ ขึ้นชื่อรังนก”