"ทหารพรานวัย 32 ปี" กลับจากชายแดนใต้ยิงรัว "พ่อเลี้ยงวัย 37 ปี" 5 นัด ดับคาบ้าน ตำรวจไล่สกัดจับได้ขณะหนีข้ามอำเภอ
9 พ.ย. 2564, 10:40
เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 8 พ.ย.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.อ.บรรจบ กุมวิมล รอง สว.(สอบสวน)สภ.เมืองชุมพร ได้รับแจ้งยิงกันเสียชีวิต จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ภาณุเดช ณ พัทลุง รอง ผบก.ภ.จ.ชุมพร พ.ต.ท.สมภพ เชื้อทอง รอง ผกก.ป.สภ.เมืองชุมพร พ.ต.ท.ชนะภัย บุญนาค สวป. ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน แพทย์เวรโรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิชุมพร
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียวอยู่ริมถนนคอนกรีตในหมู่บ้าน พื้นที่ใกล้เขตติดต่อกับ จ.ระนอง ภายในบ้านใกล้กับประตูทางเข้าพบศพทราบชื่อคือ นายนิรัช ปัจฉิมมา อายุ 37 ปี สภาพศพไม่ใส่เสื้อ นุ่งกางเกงขาสั้นลายขาวดำนอนหงามอยู่บนกองเลือด ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม.ที่แก้มซ้าย 1 นัด ลำตัว 2 นัด ขาซ้าย 1 นัด และขาขวา 1 นัด รวม 5 นัด ที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุน ขนาด 9 มม.ตกอยู่ 5 ปลอก เจ้าหน้าที่เก็บไว้เป็นหลักฐาน
เจ้าหน้าที่สอบถามนางกาญจนา ขุนภิรมย์ อายุ 50 ปี ภรรยาผู้ตาย ในสภาพมื้อเท้าเปื้อนเลือดให้การเบื้องต้นว่า คนร้ายที่ลงมือยิงนายนิรัชสามีตนไม่ใช้ใครที่ไหนคือลูกชายแท้ๆของตนเอง ชื่อ นายชนม์ชนก ฤตชนม์ อายุ 32 ปี อายุ 32 ปี เป็นทหารพรานอยู่ จ.ปัตตานี ปฏิบัติหน้าที่อยู่ชายแดนใต้ และเป็นลูกเลี้ยงของผู้ตาย หลังก่อเหตุได้ขับรถยนต์กระบะมิตซูบิ ตอนครึ่ง สีขาว ไม่ติดแผ่นป้านทะเบียนหลบหนีไปแล้ว
นางกาญจนากล่าวต่อว่า ลูกชายตนเป็นทหารพรานอยู่ชายแดนใต้ประมาณ 7-8 ปี แล้ว นาน ๆจะกลับบ้าน ส่วนผู้ตายเพิ่งจะมาอยู่กินกับตนได้ 8 เดือน ทุกครั้งที่ลูกชายตนกลับบ้านก็พูดคุยกันด้วยดีกับพ่อเลี้ยง แต่ลูกชายตนจะเรียกพ่อเลี้ยงว่า “บ่าว” ทางใต้ความหมายคือพี่ชายนั่นเอง ก่อนเกิดเหตุลูกชายลากลับบ้านจากชายแดนใต้ เมื่อสองวันที่ผ่านมา โดยลูกชายบอกไปนอนพักที่โรงแรมในตัวเมืองชุมพรและบ้านแฟนสาว
นางกาญจนากล่าวต่อว่า ตอนเช้าตนได้พาสามีคือผู้ตายไปฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 ที่โรงพยาบาลท่าแซะ ช่วงบ้านก็กลับบ้านและมาพบลูกชายซึ่งมาหาที่บ้าน แต่ลูกชายมีอาการแปลกๆและซื้อมาลัยดอกไม้มาให้ตนแล้วบอกว่าจะมาขอขมาแม่และเห็นมือไม้ลูกชายสั่นๆ ตนก็ถามกลับไปว่ายังไม่ได้กลับแล้วเอาดอกไม้มาขอขมาทำไม แต่ลูกชายก็ไม่พูดอะไร จากนั้นลูกชายได้ชวนตนไปกินอาหารและก๋วยเตี๋ยวถ้าพิสูจน์ ในตัวเมืองชุมพร โดยตนได้พาสามีคือพ่อเลี้ยงและหลานไปด้วย ลูกชายตนก็ไม่ได้แสดงอาการอะไร และยังจ่ายเงิน 500 บาท เลี้ยงพวกตนด้วย
นางกาญจนากล่าวว่า เมื่อกลับมาจากกินอาหารในตัวเมืองชุมพร ลูกชายก็ขับรถยนต์เข้ามาจอดข้างบ้านแล้วยกต้นไม้ในกระบะหลังลง ส่วนสามีตนเดินเข้าไปเปลี่ยนผ้าในบ้าน และตนเดินเข้าไปในสวนข้างบ้าน จากนั้นได้ยินเสียงปืนดังรัวถี่ยิบ เมื่อตนวิ่งมาดูพบว่าสามีตนถูกลูกชายยิงล้มลงกองกับพื้นปูนในบ้าน ตนก็ถามลูกชายว่าทำไม่ต้องทำแบบนี้ และบอกกับตนว่าอย่าแจ้งความน่ะ แล้วลูกชายก็ขับรถยนต์หลบหนีไป ส่วนตนก็โทรศัพท์ไปแจ้งตำรวจดังกล่าว
ขณะที่นางภาวิณี ปัจฉิมมา อายุ 59 ปี แม่ของ นายนิรัช ปัจฉิมมา แม่ของผู้เสียชีวิต ได้เดินทางมาจาก อ.ท่าแซะ มาดูศพลูกชายกล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าลูกชายมาฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่โรงพยาบาลท่าแซะ และยังมาหาตนที่บ้าน จากนั้นไม่นานมีเสียงคล้ายลูกเลี้ยงโทรมาหาเรื่องชื่อว่า “บ่าวๆ” ให้กลับมาบ้านด้วย แล้วลูกชายตนก็รับกลับไปที่บ้านหลักเกิดเหตุ จากนั้นผ่านไปราว 2 ชั่วโมงก็มีคนโทรมาแจ้งว่าลูกชายตนถูกยิงตายแล้ว ช่วง 7-8 เดือน ที่ลูกชายมาอยู่กับเมียคนนี้ ตนรู้สึกไม่ดีเลยเพราะลูกมีปัญหาและกลับมาบ้านหลายครั้ง แต่ลูกชายไม่เคยพูดว่ามีปัญหาอะไรกันบ้าง ตนก็แค่บอกลูกชายว่ายังไงก็ขอให้กลับบ้านเรา เพราะตนมีสวนทุเรียน มีสวนยางพารา บ้านไม่ได้ลำบากอะไรเลย จนมาเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น
ด้านนางสาวชญนิษา ปัจฉิมมา อายุ 40 ปี พี่สาวผู้ตาย กล่าวว่า น้องชายตนเลิกกับภรรยาเก่าทีมีลูกด้วยกัน 1 คน แล้วมาอยู่กับเมียใหม่คนนี้ซึ่งเป็นแม่หม้ายได้ 8 เดือน และช่วง 8 เดือน น้องชายตนโทรมาปรึกษาปัญหาตลอดว่ามีปัญหากับภรรยาใหม่และกลับมาอยู่บ้านที่ อ.ท่าแซะ หลายครั้ง แต่ภรรยาใหม่โทรมาง้อน้องชายตนก็กลับไปหาทุกครั้ง และที่ผ่านมาก็รู้ว่าผู้ก่อเหตุไม่อยากมีพ่อเลี้ยง ไม่ต้องการให้แม่ของตนเองมีสามีใหม่ จนมาเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงเย็นวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจดชุดสืบสวนเมืองชุมพร พร้อมด้วยตำรวจสายตรวจ 191 และตำรวจจราจร สภ.สวี จ.ชุมพร นำกำลังร่วมกันสกัดจับกุมตัว นายชนม์ชนก ฤตชนม์ อายุ 32 ปี ได้บนถนนสาย 4003 มุ่งหน้าเข้าอำเภอสวี ห่างจากถนนสายเอเชีย 41 ประมาณ 100 เมตร และห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 50 กิโลเมตร ตรวจค้นภายในรถพบอาวุธปืน ชนิดแมกกาซีน ขนาด 9 มม. สีดำ 1 กระบอก วางอยู่บนเบาะนั่งข้างคนขับ ภายในแมกกาซีนบรรจุกระสุนอยู่ 5 นัด ที่นั่งผู้โดยสารเบาะหลังมีเสื้อทหารพราน ระบุหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพราน สังกัดกรมทหารพรานที่ 45 วางอยู่ 1 ตัว และบนที่วางเท้าพบแผ่นป้ายทะเบียน จำนวน 2 แผ่น วางอยู่ที่พักเท้าหลังคนขับ จึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน
นายชนม์ชนก บอกว่า ตนเองเป็นทหารพรานอยู่ที่จังหวัดนราธิวาสได้ลาพัก 10 วัน หลังจากก่อเหตุยิงพ่อเลี้ยงได้ขับรถยนต์หลบหนีมุ่งหน้าลงใต้บนถนนเอเซีย 41 จนมาถูกสกัดจับได้ดังกล่าว ส่วนสาเหตุนายชนม์ชนก พูดบอกว่าเนื่องจากแม่ได้ออกจากคุกและได้ใช้ชีวิตอยู่คนเดียว และบ้านตรงข้ามได้มั่วสุมเสพยาเสพติดแจ้งเพื่อนให้เข้าไปจับแล้วไม่มีผลอะไรก็ยังมั่วสุมกันอยู่จึงก่อเหตุยิงดังกล่าว และพูดจาแบบวกวนเหมือนคนเลอะเลือน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนเมืองชุมพรได้นำตัวผู้ก่อเหตุส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองชุมพรเพื่อสอบสวนเพิ่มเติมถึงสาเหตุที่แท้จริงต่อไป