ผบช.7 แถลงปิดคดีแม๊ก ไล่ยิงหนุ่มวัย 37 แยกไฟแดง จ.กาญจนบุรี
30 พ.ย. 2564, 18:31
วันนี้ 30 พ.ย. 2564 เวลา 14.00 น.ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า โดยก่อนจะมีการแถลงข่าว พลตำรวจโท ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พร้อมคณะได้ขึ้นไปยังชั้น 2 ของ สำนักงานกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อเข้าไปสอบถามพูดคุยกับ นายสิทธิชัย มั่นคง หรือ แม๊ก มือปืนใช้อาวุธปินไล่ยิง นายอำพล หรือต๊ะ บุ้งทอง อายุ 37 ปี ชาวจังหวัดเพชรบูรณ์ จนเสียชีวิต โดยไม่ให้สื่อมวลชนเข้าไปฟังภายในห้องที่ปิดกั้นด้วยกระจกดำ โดยใช้เวลาพูดคุยกันประมาณ 30 นาที ผบช.ภาค 7 พร้อมคณะทั้งหมดได้ลงไปร่วมยังบริเวณหน้ากองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งมีสายฝนตกลงมาเล็กน้อยในช่วงแถลงข่าวกลางแจ้งครั้งนี้
สำหรับการแถลงข่าว พลตำรวจโท ธนายุฒม์ วุฒิจรัสธำรง ผบช.ตำรวจภูธรภาค 7 พร้อมด้วย รอง.ผบช.ภาค 7 พลตำรวจตรีไพโรจน์ คุ้มภัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี พันตำรวจเอก สมเกียรติ โฉมฉาย ผู้กำกับสถานีตำรวจเมืองกาญจนบุรี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน ได้นำของกลางที่มือปืนใช้ก่อเหตุไล่ยิง นายอำพล บุ้งทอง วัย 37 ปี ชาวเพชรบูรณ์ เสียชีวิตบริเวณลานจอดรถภายในศูนย์การค้า วังสารภีพลาซ่า ตามที่สื่อมวลชนได้เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้ โดยการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนโดยใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง เนื่องจากมีสายฝนโปรยปรายลงมา จึงเสร็จสิ้นการแถลงข่าวโดยในขณะที่มีการแถลงข่าวได้มีบรรดาญาติของมือปืนไปร่วมสังเกตการณ์ประมาณ 50 คน โดยทางเจ้าหน้าที่ได้กั้นไม่ให้ญาติๆมือปืนเข้าไปในบริเวณจุดแถลงข่าว ส่วนการแถลงข่าวครั้งนี้ไม่ได้นำตัว นายสิทธิชัย มั่นคง หรือ แม๊ก อายุ 29 ปี ไปร่วมแถลงด้วย
พลตำรวจโท ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้กล่าวว่าจากกรณีมือปืนไล่ยิงหนุ่มวัย 37 ปี เจ้าหน้าที่ออกไล่ล่าจนปิดคดี “แม๊ก” มือปืนไล่ยิงหนุ่มวัย 37 กลางแยกไฟแดงบ้านวังสารภี กาญจนบุรี โดยหลังเกิดเหตุ พลตำรวจเอก สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. กำชับเจ้าหน้าที่ภาค 7 เร่งปิดคดีเพราะสังคมมอง ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ออกสืบทราบจนทราบว่ามือปืนรายนี้เป็น นายสิทธิชัย มั่นคง หรือแม๊ก ทางเจ้าหน้าที่จึงได้รวบรวมหลักฐานขอหมายศาลจังหวัดกาญจนบุรี ที่ มจ 409/2564 ลงวันที่ 29 พ.ย. 2564 เดินทางไปที่บ้านพักเลขที่ 111/2 หมู่ 2 ต.วังเย็น อ.เมืองกาญจนบุรี เพื่อตรวจค้นหาหลักฐาน พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งต้องหากระทำความผิดฐาน “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา” โดยเจ้าหน้าที่ได้นำหมายศาลไปแสดงก่อนการจับกุมตัวมือปืน ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
สำหรับการแถลงข่าว ทาง ผบช.ภาค 7 ได้บอกว่าได้กำชับให้ทางผู้การตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี จากการให้การรับสารภาพว่าเป็นเรื่องครอบครัว และเกิดอารมณ์ชั่ววูบด้วยความโมโฮเหมือนถูกหยาม เรื่องนี้จึงต้องให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งฝ่ายผู้เสียชีวิต รวมถึงฝ่ายผู้ก่อเหตุก็ดี คดีนี้ทาง ผบ.ตร. ได้เร่งรัดให้ติดตามคดีให้ได้ตัวคนร้ายโดยเร็วทางภาค 7 ก็ได้ปิดคดีได้ภายในไม่ถึง 8 ชั่วโมง ผบช.ภาค 7 ย้ำว่าตำรวจภูธรภาค 7 ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน ส่วนที่เกิดเหตุทางผู้ต้องหาได้ให้การว่าได้พบเห็นรถที่แม่ใช้ได้พาผู้เสียชีวิตเพื่อไปฉีดวัคซีน ตามที่แพทย์นัดและมาจอดตรงไฟแดงจนมีปากเสียงกันรุนแรงจนเป็นสาเหตุตามที่สื่อเสนอไปทั้งหมดแล้ว ไม่ได้มีการเฝ้าจุด แต่เพียงแค่บังเอิญไปพบเจอเข้าพอดี เรื่องนี้เรายังไม่ได้เชื่อเพียงแค่นี้ยังให้ทางพนักงานสอบสวนสอบสวนเพิ่มเติมก่อนนำไปส่งศาลฝากขัง เพราะยังมีเวลาสอบสวนตามกำหนดเวลาของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องมีการขยายผลเพิ่มเติมอีก และคดีนี้ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน ไม่ใช่การเมือง ไม่ใช่มือปืนรับจ้าง สาเหตุเป็นการขัดแย้งในครอบครัว
ส่วนหลักฐานทั้งหมดสามารถยึดของกลาง อาวุธปืนพกสั้น ขนาด 9 มม.ที่ใช้ก่อเหตุได้ จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุนปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 2 นัด รถจักรยานยนต์ที่ใช้เป็นพาหนะยี่ห้อฮอนด้า เวฟ 125 สีดำ หมายเลขทะเบียน 1กข 6873 กาญจนบุรี จำนวน 1 คัน รวมทั้งซองปืน และเสื้อผาที่ใช้สวมใส่ในวันก่อเหตุ รวม 11 รายการ ตามที่ได้รายงานข่าวไปแล้ว