วันที่ 13 ธ.ค.64.  เจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างสระบุรี ได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือจาก นายกิตติศักดิ์ โชคปัญญาพูล อายุ 42 ปี ว่ามีงูเห่าซ่อนตัวอยู่หลังประตูทางเข้าบ้าน  จึงอยากให้มาช่วยจับงูเห่าให้หน่อย เจ้าหน้าที่จึงได้เดินทางไปให้การช่วยเหลือประชาชนที่บ้านหลังดังกล่าว 

เมื่อไปถึงพบนายกิตติศักดิ์ กำลังนั่งเฝ้างูอยู่ในบ้าน กลัวว่างูจะเลื้อยหนี หลบซ่อนและหาไม่เจอ เพราะว่ามีข้าวของในบ้านวางเต็มไปหมด โดยเฉพาะมีคนแก่ชอบมานั่งอยู่ที่โต๊ะไม้หน้าประตู  ถ้าหาไม่เจอ กลัวว่างูจะเลื้อยมากัดคนในบ้าน เจ้าหน้าที่จึงได้ก้มลงมองดูใต้โต๊ะ เห็นหางงูซ่อนอยู่หลังรองเท้าแตะแบบสวม  จึงได้ใช้ไม้ตะขอเหล็กเขี่ยรองเท้าออก  พบเป็นลูกงูเห่ารุ่นๆ แต่มีพิษพอๆกับงูเห่าตัวใหญ่ ฉกหรือกัดถึงตายได้ ได้แผ่แม่เบี้ยขู่ แล้วรีบเลื้อยหลบหนี จะออกประตูบ้าน เจ้าหน้าที่จึงได้รีบใช้ไม้ตะขอเหล็กกดตัวเอาไว้ แต่เจ้างูก็ยังดิ้นหลุด และเลื้อยเข้าไปอยู่ด้านในรูเหล็กขอบประตู เนื่องจากงูเห่าตัวเล็ก เจ้าหน้าที่จึงต้องใช้สเปย์กันยุงฉีดเข้าไปในรูด้านบน และใช้ไม้แขวนเสื้อแหย่กระทุ้ง จนเจ้างูเห่าเลื้อยออกมาเพื่อจะหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงได้ใช้ไม้ตะขอเหล็กเกี่ยวลำตัวงู นำไปวางไว้ในบริเวณกว้าง และใช้ไม้ตะขอเหล็กกดลำตัวงูไว้กลัวว่าจะเลื้อยหลบหนี เจ้างูได้แผ่แม่เบี้ยร้องฟู่ฟู่และฉก เพื่อป้องกันตัวเอง ไม่ให้ใครเข้ามาใกล้  เจ้าหน้าที่จึงได้ใช้ขวดน้ำเปล่ามาจ่อที่คองู เพื่อให้งูเลื้อยเข้าไปอย่างโดยละม่อม  จากนั้นจะนำงูไปปล่อยคืนสู่ธรรมชาติต่อไป   

ทางด้านนายกิตติศักดิ์ โชคปัญญาพูล เล่าว่า  ตนเลิกจากงานมา กำลังจะเดินเข้าบ้าน  เห็นแมวมายืนอยู่หน้าประตู มีอาการเหมือนกำลังขู่ตัวอะไรอยู่หลังซอกประตู  ตนจึงได้เดินเอาไฟฉายมาส่องดู ปรากฏว่าเห็นเป็นงู  จึงได้รีบโทรหาเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างให้มาช่วยเหลือ  เพราะตอนแรกที่เห็นงูกำลังแผ่แม่เบี้ยใส่แมวพอดี  ส่วนตนเองไม่ตกใจ แต่ถ้าไม่เห็นตัวงูก็อาจจะโดนกัดได้  ระหว่างที่กำลังเฝ้างูอยู่ งูได้เลื้อยมุดขอบประตูเหล็กเข้าไปในบ้าน และไปอยู่ใต้โต๊ะไม้ดังกล่าว