เสี่ยปาน 30 ล้านขอปิดตำนาน สั่งลาครั้งสุดท้ายขอพักผ่อน จัดงานศพที่ร้านก๋วยเตี๋ยว
11 ก.พ. 2565, 18:10
วันนี้ (11 ก.พ.65) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับนายยงยุทธ แก้วสวนจิก อายุ 45 ปี หรือ “เสี่ยปาน 30 ล้าน”ชาวบ้านบ้านหนองบ่อ อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ถูกหวยรางวัลที่ 1 จำนวน 30 ล้านเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ต่อมาเกิดเจ็บป่วยหนักหลายโรคตัดสินใจขายทิ้งทรัพย์สินทุกอย่างและเตรียมแบ่งทรัพย์สินให้พี่น้องและลูกชายโดยได้เขียนพินัยกรรมไว้แล้ว ขณะที่เสี่ยปานพ้อยังไม่อยากตายเพราะลูกชายยังเล็ก แต่เนื่องจากป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย หมอบอกอยู่ได้อีกไม่นานจะรีบทำอะไรก็รีบทำ จึงต้องมาอยู่ใกล้ ๆ พี่สาวโดยช่วยพี่สาวขายก๋วยเตี๋ยวและคอยให้พี่สาวเช็ดแผลให้ โดยวันนี้เสี่ยปานอยากจะเปิดใจและแจ้งข่าวกรณีป่วยหลายโรคทำให้ร่างกายทรุดหนัก เพื่อให้สังคมรับรู้หลังปิดมานาน โดยพบกับเสี่ยปาน 30 ล้านกำลังทำความสะอาดร้านก๋วยเตี๋ยวจัดโต๊ะ จัดเก้าอี้เพื่อเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวในตอนเช้า มีอาหารเช้าเป็นเต้าหู้ ขนมปังและโอวัลติน และยังมีถุงยาที่ใช้สำหรับรักษาโรคถุงใหญ่ในจำนวนนั้นมียาที่รักษาแก้เจ็บปวดอย่างรุนแรงคือมอร์ฟีนตามแพทย์สั่งรวมอยู่ด้วย
เสี่ยปาน 30 ล้าน เปิดเผยว่า วันนี้อยากจะแจ้งให้สังคมได้รับรู้หลังปิดมานานเรื่องป่วย ตอนนี้ที่ป่วยมีโรคหัวใจ โรคมะเร็งทวารหนักระยะสุดท้าย สาเหตุที่ต้องบอกหลังปิดมานาน เพราหลังเป็นข่าวออกไปหลายคนเขาก็เป็นห่วงว่าทำไมเป็นโรคหัวใจแล้วไม่ไปรักษา ตนอยากจะบอกว่า นอกจากป่วยเป็นโรคหัวใจแล้วก็ยังมีโรคมะเร็งทวารหนักระยะสุดท้าย โดยหมอบอกว่าอยู่ได้ 1 ปีจะครบในเดือนนี้ แต่หากรอดพ้นเดือนนี้ไปได้ตนเองก็ใจยังอยากมีชีวิตอยู่เห็นหน้าลูกชายจนเขาเติบใหญ่
เสี่ยปาน บอกอีกว่า ก่อนที่จะเป็นมะเร็งทวารหนัก ตนเองป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่มาก่อนนี้ ในช่วงที่ไปบวชเป็นเยอะซึ่งตอนแรกจะบวชตลอดชีวิตแต่เนื่องจากป่วยจึงลาสิกขามารักษาตัวทั้งคีโมผ่าตัดจนหายแล้วพร้อมเปิดโชว์รอยผ่าตัดตรงช่องท้องให้ผู้สื่อข่าวดู และด้วยความที่ตนเองไม่ชอบอยู่เฉยๆ จากนั้นจึงซื้อรถไถ รถเกี่ยวข้าวพาพี่ชายลุยรับจ้างทำให้ทำงานหนักพักผ่อนไม่เพียงพอและที่สำคัญนั่งขับรถนานทำให้เป็นฝีทวารหนัก ไปให้หมอตรวจตอนแรกคิดว่าเป็นฝีคัณฑสูตรแต่ไม่หายสักทีและเมื่อต้นปีที่แล้วไปตรวจอีกครั้งหมอก็บอกว่าไม่ทันแล้วนะมะเร็งลามแล้วและเป็นมะเร็งทวารหนักระยะสุดท้ายแล้วนะจะอยู่ได้ไม่เกิน 1 ปี
ส่วนสาเหตุที่ตนเองอยากเปิดเผยให้สังคมรับรู้ใครจะสมน้ำหน้าผมก็ตาม ความจริงก็คือความจริง ผมจึงอยากจะบอกว่าป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายรักษาคงไม่ทันแล้ว แต่ก็มีหลายคนที่ให้กำลังใจ ผมก็ขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจ ผมก็ขอให้ท่านจงร่ำรวย ส่วนคนที่ด่าผมก็ก็ขออโหสิกรรมให้ และสัมภาษณ์ครั้งนี้ผมขอสัมภาษณ์เป็นครั้งสุดท้าย ผมขอหยุดให้ข่าวปิดตำนานเสี่ยปาน 30 ล้านในวันนี้เลยและขอให้ผมได้พักผ่อนใช้ชีวิตตามสภาพหากยังมีชีวิตอยู่ก็จะพาลูกไปเที่ยว และตอนนี้ได้สั่งลาบอกพี่สาวแล้วว่า หากผมเสียชีวิตไปก็ให้จัดงานที่ตรงนี้ ไม่ต้องไปจัดที่บ้านสวน เพราะทุกสิ่งทุกอย่างผมได้เขียนพินัยกรรมไว้แล้ว แต่ผมก็จะฝืนเต็มที่ฝืนจนวันสุดท้ายของผม ชีวิตผมสั้นอยู่ได้เท่านี้เพราะเขาให้ผมมาอยู่ใช้กรรมได้เท่านี้ ยิ่งทำบุญมากเท่าไรยิ่งตายเร็ว เสี่ยปานกล่าวตอนท้าย