วันนี้ 13 มี.ค. 2565 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า สืบเนื่องจากการเมื่อวันที่ 10 มี.ค.65 ที่ผ่านมา พล.ต.ท.ธนายุตม์  วุฒิจรัสธำรงค์  ผบช.ภ.7 ได้รับรายงานว่าในพื้นที่ อ.ท่าม่วงจ.กาญจนบุรี กลุ่มเป้าหมายขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่ จะมีการเคลื่อนไหวนัดหมายส่งมอบยาเสพติดกันในพื้นที่ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ต.บุญฤทธิ์  รอดมา รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.ประสพชัย มัตสยะวานิชกูล ผบก.สส.ภ.7 พล.ต.ต.ปรีดา  อิ่มเจริญ ผบก.ศฝร.ภ.7 พล.ต.ต.ไพโรจน์  คุ้มภัย ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี และพ.ต.อ.ชิตภพ  โตเหมือน รอง ผบก.สส.ภ.7 พ.ต.อ.ต่อวงศ์ พิทักษ์โกศล ผกก.ปพ.บก.สส.ภ.7 พ.ต.ท.มานะ สำราญวงศ์ หน.ชุดเฉพาะกิจป้องกันปราบปรามอบายมุขตำรวจภูธร ภาค 7

นำกำลังตำรวจชุดปฎิบัติการเฉพาะกิจป้องกันและปราบปรามอบายมุขตำรวจภูธร ภ.7 ลงพื้นที่กาญจนบุรี เพื่อประสานขอกำลังตำรวจชุด กก.สส.ฯ จาก พ.ต.อ.ภาคิน แสงพุฒิผกก.กก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี เพื่อวางแผนสนธิกำลังตำรวจกว่า 20 นาย เดินทางไปดักซุ่มบนถนนแสงชูโตสายกาญจนบุรี-กรุงเทพมหานครฯ ใกล้เคียงปั้มน้ำมันเชลล์ หมู่ 3 ต.ท่าล้อ อ.ท่าม่วงฯ ฝั่งตรงข้ามร้านขายของฝากแม่บัวคำ เนื่องจากสายรายงานว่า แก๊งค้ายาเสพติดจะนำยาบ้ามาส่งมอบกัน

จนกระทั่งเวลา 17.00 น.ของวันที่ 11ต่อเนื่องถึงวันที่12 มี.ค.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมเห็นรถยนต์ยี่ห้อมิตซูมิตชิปาเจโร่สีบรอนท์เงิน หมายเลขทะเบียน ฌฬ 1853 กรุงเทพมหานครฯ ซึ่งเป็นรถตรงตามที่สายรายงาน และรถ จยย.วิ่งเข้ามาจอด จึงออกจากที่ซุ่ม เรียกให้รถทั้ง 2 คันจอด พร้อมทั้งแสดงตัวเพื่อขอตรวจค้น แต่รถ จยย.ได้เร่งเครื่องหลบหนีไปได้ ส่วนรถยนต์มิตซูปาเจโร่ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวคนขับรถเอาไว้ได้

สอบสวนทราบว่า ชื่อนายวสันต์ หรือสัน ตาราสกุลหงส์ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 809/1 หมู่ 2 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ซึ่งนายวสันต์ หรือสัน เป็นชนกลุ่มน้อยชาวกระเหรี่ยง ถือบัตรประชาชน 10 ปี และบัตรบุคคลต่างด้าวสีชมพู สัญชาติกระเหรี่ยงอีก 1 ใบ เป็นพ่อค้ายาเสพติด 2 แผ่นดิน ติดต่อค้ายาเสพติดทั้งในประเทศเพื่อนบ้าน และในประเทศไทย ตรวจค้นภายในกระเป๋าเดินทางสีน้ำตาลที่นายวสันต์ ถืออยู่พบยาบ้าซุกซ่อนอยู่ 10 มัด จำนวน 20,000 เม็ด ตรวจสอบชนิดยาบ้า เป็นยาบ้าแบบชนิดตัวอักษรภาษาอังกฤษแบบหางสั้น ที่ผลิตมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ด้านชายแดน อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี หากเป็นยาบ้าชนิดตัวอักษรภาษาอังกฤษหางยาว จะเป็นยาบ้าที่ผลิตมาจากทางชายแดนภาคเหนือ

จากนั้นจึงนำตัวไปสอบสวนขยายผลถึงแหล่งที่มาของยาเสพติด จนกระทั่งทราบว่า นายวสันต์ หรือสันผู้ต้องหายาบ้ารายนี้ ได้ไปเช่าบ้านหลังหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ในเขต อ.เมืองกาญจนบุรี จึงประสานไปยัง พ.ต.ท.ศุภกิจ มหาโชคธรณี รอง ผกก.ชุดสืบสวนขยายผลยาเสพติดตำรวจภูธร จ.กาญจนบุรี สนธิกำลังเดินทางไปตรวจค้นบ้านเช่าเลขที่ 96/2 หมู่ 2 ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี

จากการตรวจค้นภายในบ้านพบของกลางเป็นอาวุธปืนสงคราม AK 47 จำนวน 1 กระบอก เสื้อเกราะกันกระสุน 1 ตัว ท่อลดเสียง 1 อัน เครื่องกระสุนปืนขนาด 5.65 มม.จำนวน 35 นัด เครื่องกระสุนปืนขนาด 7.65 มม.จำนวน 25 นัด รวมของกลางทั้งสิ้น 15 รายการ

เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การยอมรับสารภาพว่า ได้รับการว่าจ้างจากนายสุรศักดิ์ หรือ "เพชรเจดีย์ 3 องค์" โดยให้นายนิกร  ทุตะกิจ ผู้ต้องหาอีกคนที่สามารถหลบหนีไปได้ นำยาบ้ามามอบให้ โดยจะให้ตนขับรถตระเวณนำยาบ้ามาส่งให้กับลูกค้าซึ่งเป็นเอเย่นต์ยาที่อยู่ในเขต อ.เมืองกาญจนบุรี อ.ท่าม่วง และ อ.ท่ามะกา ตนเพิ่งทำมาเพียง 2 ครั้ง ครั้งแรกได้ค่าจ้าง 2,000 บาท ส่วนครั้งนี้ยังไม่ได้ค่าจ้างก็มาถูกจับเสียก่อน การสั่งงานจะสั่งกันทางกันทางแอพพลิเคชั่นไลน์ และโอนเงินค่าจ้างเข้าบัญชีธนาคาร จากนั้นเวลา 14.00 น.ของวันที่ 12 มี.ค.65 จึงนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ก่อนจะควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าม่วงฯ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ศราวุฒิ  ศรีสังวร ผกก.สภ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ได้รับรายงานจากตำรวจสายตรวจ ต.วังศาลา ว่ามีชาวบ้านขี่รถจักรยาน 2 ล้อไปตามถนนแสงชูโตเลียบริมทางรถไฟ  ฝั่งตรงข้ามร้านขายของฝากแม่บัวคำ หมู่ 7 ต.วังศาลา อ.ท่าม่วงฯ พบถุงพลาสติกสีดำขนาดใหญ่ 2 ใบวางซุกซ่อนอยู่ในพงหญ้าริมถนน เมื่อเปิดออกดูพบว่า ภายในมีวัตถุเป็นมัดๆ ห่อหุ้มด้วยแผ่นพลาสติกสีน้ำตาล คาดว่าเป็นยาบ้า หลังรับแจ้งจึงรีบเดินทางไปตรวจสอบพบว่า ภายในถุงพลาสติกสีดำมียาเสพติด บรรจุอยู่ จำนวน 200,000 เม็ด

จึงรายงานให้ พล.ต.ต.ไพโรจน์  คุ้มภัย ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ทราบเรื่องและสั่งการให้ พ.ต.อ.ภาคิน  แสนพุฒิ ผกก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี นำกำลังตำรวจชุด กก.สส.ลงพื้นที่ร่วมสืบสวนจับกุม เนื่องจากคาดว่า ยาบ้าที่พบน่าจะเป็นของแก๊งยาบ้ารายใหญ่ที่นำยาบ้ามาซุกซ่อนส่งของให้เอเย่นต์ตามใบสั่งในพื้นที่ อ.ท่าม่วงฯ อ.ท่ามะกา แต่ดันมีพลเมืองดีมาเจอเข้าและแจ้งตำรวจ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ติดตามสืบสวนแกะรอย และไล่กล้องวงจรปิด เพื่อติดจับกุมเครือข่ายแก๊งยานรกแก๊งนี้ มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป