เปิดใจบริสุทธิ์ "น้องท็อป-น้องไต๊" เดินเท้าเปล่าไปหาญาติภูเก็ต ในกระเป๋ามีเงิน 10 บาท
11 พ.ค. 2565, 10:33
วันนี้ (10 พ.ค.65) รายงานความคืบหน้าจากกรณีน้องท็อปอายุ 13 ขวบ และน้องไต๊ อายุ 7 ขวบ เด็กน้อยบ้านนาดี หมู่ 7 ต.นาคำ อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี จะเดินเท้าเปล่าจากบ้านที่อ.บ้านดุงไปยังจ.ภูเก็ต ระยะทาง 1,450 กม.เพื่อไปหาน้องกัปตัน อายุ 2 ขวบ 8 เดือนลูกของพี่สาว หลังจากพ่อและแม่น้องกัปตันพากันเดินทางมาเยี่ยมคุณยายที่บ้านนาดีแล้วเดินทางกลับภูเก็ตวันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมา ด้วยความคิดถึงน้องตามประสาเด็กๆ และความรักใสๆ อันบริสุทธิ์ เด็กชายน้องสองอยากไปตามฝันตามไปหาน้องกัปตันโดยเดินเท้าเปล่าโดยที่คุณยายไม่ทราบเรื่อง จนต่อมาเวลา 19.30 น.วันที่ 8 พ.ค.65 นายวีระพล รักษ์เสมอวงษ์ แอ้ดมินเพจบ้านดุงอัพเดทและจิตอาสารับแจ้งจากแฟนเพจว่า มีเด็กชาย 2 คนเดินริมถนนสายอ.บ้านดุง-บ้านสุ่มเส้า พบด.ช.ท็อปและด.ช.ไต๊นั่งอยู่หน้าบ้านของชาวบ้านที่บ้านสุ่มเส้า เบื้องต้นทราบว่าเด็กน้อยทั้งสองคนกำลังจะเดินทางไปภูเก็ต โดยทั้งสองคนมีเงินติดตัวเพียง 10 บาทและกระเป๋าเสื้อผ้าใบเดียว สร้างความตกใจให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก สุดท้ายนายวีระพลฯ ได้พูดเกลี้ยกล่อมให้เด็กทั้ง 2 คนกลับบ้านและพาไปส่งถึงบ้านท่ามกลางความดีใจของคุณยายและญาติๆ เป็นอย่างมากไม่คิดว่าหลานชาย 2 คนจะกล้าเดินทางไปไกลถึงขนาดนั้น
ต่อมาวันนี้ (10 พ.ค.65) เวลา 17.30 น.ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 121 หมู่ 7 บ้านนาดี ต.นาคำ อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี เป็นหมู่บ้านเข้าไปในถนนห่างจากถนนสายอ.บ้านดุง-บ้านสุ่มเส้าประมาณ 3 กม.พบกับน้องท็อปและน้องไต๊เล่นกับเพื่อนๆ ภายในบ้านอีกหลายคนตามประสาเด็ก โดยมีนางเพ็ญศรี ชาวนา อายุ 59 ปียายของเด็กทั้ง 2 คนยังอยู่ในความดีใจไม่หายหลังได้หลานชายกลับมาหลังทราบข่าวว่าจะพากันเดินทางไปภูเก็ต
นางเพ็ญศรี ยายของน้องท็อปและน้องไต๊ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว บ่ายสองวันที่ 8 พ.ค.ตนเองไปปลูกต้นกกที่นาท้ายหมู่บ้าน พอกลับเข้ามาบ้านสี่โมงเย็นก็ไม่เจอน้องท็อปแล้ว วิ่งไปถามญาติๆ ก็ไม่มีใครเจอ ตอนนั้นร้องไห้หนักมาก วิ่งรอบตามหาหลานทั้งสองรอบหมู่บ้านเลยเดียว ห่วงเขาเพราะเลี้ยงเขามาตั้งแต่เกิด ส่วนแม่ของน้องไต๊ซึ่งเป็นหลานอีกคนก็วิ่งมาหาบอกว่าน้องไต๊ก็หายไป ยิ่งตกใจไปกันใหญ่เพราะหลานหายไปพร้อมกัน 2 คน แจ้งประกาศหาทั่วหมู่บ้านตอนนั้นจะไปแจ้งความด้วย ห่วงเขามาก กลัวเขาไปตกน้ำหรือโดยแก๊งขโมยเด็กไป วันนั้นขายของเก่าได้ 180 บาทเอาเงินแบ่งให้หลาน 5 คนคนละ 20 บาท น้องท็อปก็ได้ 20 บาท หลังให้เงินหลานทุกคนแล้ว ตนเองก็ไปปลูกต้นกกทันทีพอกลับมาถึงบ้านสี่โมงเย็นหลานหายก็ถามหาไปทั่ว ช่วงเย็นจึงรู้ว่าพากันอยู่บ้านสุ่มเส้า มีบ้านดุงอัพเดทไปรับมาส่งบ้าน ขอขอบคุณมากๆ ตนเองเลี้ยงหลาน 5 คนตั้งแต่เด็กๆ เพราะพ่อแม่เขาแยกทางกัน ตนเองสอนให้ทุกคนทำการทำงานเป็น และก็เป็นเด็กดี หลานทั้ง 5 คน ลูกๆ เอามาให้เลี้ยงและส่งเงินมาให้ใช้ตามสภาพ ไม่ได้เรียกร้องอะไรและเรื่องราวที่เกิดขึ้น ไม่ได้หวังเงินทองอะไรมาช่วยเหลือครอบครัว ขออยู่ตามสภาพแล้วกัน
ส่วนน้องท็อป บอกว่า ที่อยากไปภูเก็ตเพราะอยากไปหาน้องกัปตัน อายุ 2 ขวบ 8 เดือน เป็นลูกของพี่เยื่อ โดยก่อนหน้านี้พี่เยื่อมาจากภูเก็ตพาน้องกัปตันมาอยู่ที่บ้านยาย 1 อาทิตย์ กลับไปเมื่อวันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมา ช่วงที่น้องกัปตันอยู่บ้านยายได้เล่นกับน้อง ก็รักน้องมาก พอน้องกลับไปก็คิดถึงเลยอยากไปหาน้องกัปตันที่ภูเก็ต ไม่คิดว่าระยะทางมันจะไกล แต่คิดว่าจะเดินไป 5 วันก็น่าจะถึง ส่วนน้องไต๊เห็นตนกำลังเดินไปภูเก็ตก็บอกว่าไปหาน้องกัปตันด้วย พวกเราจึงเดินไปเรื่อยๆ ตอนนั้นยายให้เงิน 20 บาทซื้อแกงเส้นกิน 10 บาท เหลือ 10 บาทส่วนกระเป๋ามีเสื้อซุปเปอร์แมนสีแดงอของน้องกัปตันตั้งใจว่าจะเอาไปให้น้องด้วย ผมรักน้องมาก ผมเลยอยากไปหาน้องครับ ตอนนี้จะไม่ไปแล้ว รอจบ ม.3 พี่เยื่อกับพี่หนึ่งจะมารับไปหาน้องกัปตันที่ภูเก็ตครับ จากนั้นน้องท็อปได้วีดีโอคอลคุยกับน้องกัปตัน ทั้งพี่ทั้งน้องเห็นหน้ากันคุยกันให้หายคิดถึง โดยน้องกัปตันคุณแม่กำลังพาไปเล่นทะเล พอเห็นพี่ท็อปก็บอกว่าว่าง ๆมาเล่นภูเก็ตนะครับ
นายวีระพล รักษ์เสมอวงษ์ แอ้ดมินเพจบ้านดุงอัพเดท เปิดเผยว่า วันนั้นตนเองได้รับแจ้งจากแฟนเพจว่าให้ไปดูหน่อยว่ามีเด็กน้อย 2 คนเดินริมถนน ดูแล้วไม่ใช่เด็กเร่ร่อนแน่นอน พอไปถึงสอบถามทราบว่าทั้งสองคนจะไปภูเก็ต เราก็ตกใจมาก จะเดินไปอย่างไร ในตัวมีเงินแค่ 10 บาท แต่ดูแล้วเด็กน้อยมีใจแน่แน่วจะไปภูเก็ตเพื่อไปหาน้อง สุดท้ายผมก็ชวนกลับบ้านก่อน พอถึงบ้านทั้งยายทั้งญาติๆ ดีใจจนน้ำตาไหลเพราะไม่คิดว่าหลานทั้งสองคนจะกล้าไปขนาดนั้น หลังจากเป็นข่าวออกไป ก็มีคนติดต่อมาสอบถามว่า ถ้าน้องๆอยากไปภูเก็ตอยู่หรือไม่จะให้เติมฝันให้น้อง แต่ตอนนี้น้องบอกว่าไม่ไปแล้วรอจบม.3 ถึงจะไปภูเก็ตพี่สาวจะมารับ ด้วยความไร้เดียงสา เด็กๆ เขาผูกพันกัน เคยเล่นด้วยกัน พอจากกันไปก็คิดถึงกัน ผมอยู่ในเหตุการณ์ยังน้ำตาไหล เขาไม่คิดว่ายายจะห่วงแค่ไหนเขาคิดแต่ว่าอยากไปหาน้อง หลังมีกระแสข่าวออกไปมีคนติดต่อมาเยอะถามว่าน้องๆ อยากจะไปภูเก็ตอยู่ไหมจะสานฝันให้น้องไปภูเก็ตให้ และมีสำนักข่าวต่างประเทศก็ติดต่อมา ตอนนี้น้องรอให้เรียนจบม.3 ถึงจะเดินทางไป และมีข่าวว่าน้องเป็นข่าวเพื่อเปิดรับบริจาค ขอเรียนชี้แจงว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง น้องจะไปภูเก็ตด้วยความรักระหว่างพี่น้องกัน อยากไปหาน้องกัปตันที่นานๆ ทีมาเล่นที่บ้าน ถือเป็นความรักบริสุทธิ์ของเด็กๆ เท่านั้น