จี้คณะ คปอ.แจ้งความเอาผิดผู้นำท้องที่อมเงินภาษีโครงการสร้างบ้านพอเพียงชนบท
10 ก.ค. 2565, 11:34
วันที่ 10 กรกฎาคม 65 จากกรณีที่มีการร้องเรียนผู้นำท้องที่ในตำบลเขาจ้าว อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เข้าข่ายการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 โดยจ่ายเงินให้กับชาวบ้านครอบครัวยากจนนำไปต่อเติมสร้างบ้านตามโครงการสร้างบ้านพอเพียงชนบท ของสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(พอช.) สังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ไม่ครบตามจำนวน 19,000 บาท ที่ผู้สื่อข่าวได้มีการนำเสนอไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น
คืบหน้าล่าสุด นางนิธิมา เงินสุวรรณ เลขาคณะทำงานประสานองค์กรชุมชนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์(คปอ.) เปิดเผยว่า หลังจากที่คณะ คปอ.ทราบข่าวได้ประสานไปยังคณะกรรมการระดับตำบลของพื้นที่ตำบลเขาจ้าวให้ไปตรวจสอบ โดยได้มีการนำเงินจำนวน 4,000 บาท จากผู้นำท้องที่รายหนึ่งมาคืนให้กับเจ้าของบ้านเลขที่ 188 หมู่ 4 บ้านท่าวังหิน เพิ่มเติมจนครบตามจำนวน 19,000 บาทแล้ว เมื่อวันที่ 6 ก.ค.65 ที่ผ่านมา จากเดิมที่ชาวบ้านได้รับเป็นเงินสดเพียงจำนวน 15,000 บาท
ส่วนกรณีการแจ้งความเอาผิดผู้นำท้องที่ เพื่อให้ตำรวจได้สอบสวนข้อเท็จจริงและดำเนินคดีตามกฎหมายนั้น คณะประสานองค์กรชุมชนจังหวัดประจวบฯ หรือ คปอ.กำลังหารือร่วมกันและอยู่ในระหว่างการประสานกับฝ่ายกฎหมายของ พอช. ซึ่งคณะ คปอ.จะต้องลงพื้นที่สอบสวนหาสาเหตุและข้อทิจจริงที่เกิดขึ้นพร้อมรวบรวมรายละเอียดอีกครั้ง หากพบมีความผิดจริงก็จะต้องแจ้งความเอาผิดตามระเบียบกฎหมาย เนื่องจากเงินดังกล่าวเป็นเงินงบประมาณภาษีที่ภาครัฐจัดสรรมาให้สำหรับพัฒนาคุณภาพชีวิตที่อยู่อาศัยของคนยากจน และเป็นเงินที่มาจากภาษีของประชาชน
มีรายงานจากหลานชายของบ้านเลขที่ 689 หมู่ 4 ซึ่งได้รับยอดเงินเพียง 12,000 บาท ระบุว่า ก่อนหน้านี้ลุงของตนได้รับเงินรอบแรกจำนวน 6,000 บาท และหลังจากนั้นหายไปหลายเดือนทำให้บ้านสร้างไม่เสร็จ หลานชายจึงได้ไปติดตามทวงถามผู้นำท้องที่รายหนึ่งว่ายังมีเงินเหลืออีกจำนวนเท่าไร เพราะต้องการสร้างบ้านให้เสร็จ โดยผู้นำท้องที่ดังกล่าวยอมรับว่าได้นำเงินไปใช้ส่วนตัว แล้วจะหามาให้ และหลังจากนั้นไม่นานผู้นำท้องที่ได้นำเงินมาเพิ่มเติมให้บ้านเลขที่ 689 อีกจำนวน 6,000 บาทรวมเป็นเงินจำนวน 12,000 บาท ซึ่งในปัจจุบันได้ใช้เงินส่วนตัวเพิ่มเติมจนสร้างเสร็จแล้ว แต่ยังคงได้เงินจากโครงการสร้างบ้านไม่ครบอีกจำนวน 7,000 บาท
ด้านแหล่งข่าวฝ่ายปกครองมีความเห็นว่า หากการกระทำของผู้นำท้องที่รายดังกล่าวเป็นเรื่องจริง ถือว่าไม่สมควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นข้าราชการเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐควรทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และเงินดังกล่าวเป็นเงินภาษี ประชาชนที่ได้รับมาจากรัฐบาล ซึ่งไม่ต่างกับคดีลูกจ้างสำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่ได้ปลอมแปลงเอกสารยักยอกเงินงบประมาณหลวงไปใช้ส่วนตัวเกือบ 40 ล้านบาท ทางสำนักงานจังหวัดจึงได้แจ้งความเอาผิด เพราะฉะนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีหน้าที่รับผิดชอบควรตรวจสอบข้อเท็จจริง และแจ้งความเอาผิด เพื่อแสดงเจตนารมณ์ความบริสุทธิ์โปร่งใส มิฉะนั้นก็จะกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกระทำผิดเสียเองในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
Recommend News
MOST POPULAR
