เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 18 กันยายน 2562  เจ้าหน้าที่สำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 10 ได้รับแจ้งพบซากพะยูนตัวใหญ่ที่บริเวณเกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง และเชื่อว่าจะเป็นพะยูนตัวที่ 11 ที่เจ้าหน้าที่กำลังตามหาซาก หลังจากก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 14 กันยายนที่ผ่านมา  ประธานชมรมมัคคุเทศก์อาชีพ จ.ตรัง ได้พบซากพะยูนพบลอยตายอยู่กลางทะเลตรัง บริเวณระหว่างเกาะยา จ.ตรัง กับเกาะไหง จ.กระบี่  ก่อนใช้เชือกมัดซากผูกติดไว้ถังแกลลอนน้ำมัน เนื่องจากช่วงนั้นมีพายุคลื่นลมแรงมาก

ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ใช้เรือออกตระเวนตามหาซากประมาณ 5 ชม. แต่เนื่องจากฝนตกหนัก ทำให้ไม่พบ จึงต้องยุติการนำเรือออกค้นหา  แต่ได้แจ้งประชาสัมพันธ์ผ่านไปยังชาวประมง และเครือข่ายบริเวณชายฝั่งให้ช่วยสอดส่อง เพราะเชื่อว่าซากพะยูนตัวดังกล่าวจะต้องถูกคลื่นซัดกลับเข้าชายฝั่งอย่างแน่นอน  และตลอดเวลาที่ผ่านมาเรือประมงก็ต้องหยุดออกหาปลา เนื่องจากคลื่นลมแรง จึงทำให้มีใครพบซากพะยูนกลางทะเลดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดในวันนี้ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบซากพะยูนตัวใหญ่ ไม่ทราบเพศ ขนาดโตเต็มวัย ความยาวประมาณ 3 เมตร แต่มีสภาพซากเน่ามาก คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 5-7 วัน  เบื้องต้นตรวจสอบพบว่ากระดูกและกล้ามเนื้อบางส่วนสูญหายไป จนเหลือเพียงหนัง  ขณะที่ผิวหนังมีรอยขอบคม ซึ่งเป็นลักษณะของการถูกของมีคมตัดเป็นแนวตามลำตัว  ก่อนถูกคลื่นซัดเข้ามาฝังอยู่ริมชายหาดบนเกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง ภายในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง

ดังนั้น เจ้าหน้าที่จึงเก็บซากพะยูนตัวดังกล่าวส่งไปยังศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอันดามัน จ.ภูเก็ต เพื่อทำการชันสูตร  แต่เบื้องต้นเชื่อว่าจะต้องเป็นซากพะยูนตัวเดียวกันกับตัวที่เจ้าหน้าที่พยายามนำเรือออกตามหาซาก เมื่อวันที่ 14 กันยายนที่ผ่านมา และนับเป็นพะยูนตัวที่ 11 ที่ตายลงในทะเลตรัง สำหรับปี 2562