ขณะที่นายสิบประวิทย์ แก้วประภา อายุ 40 ปีชาวบ้านในพื้นที่หมู่ที่ 14 ตำบลห้วยแก้ว อำเภอภูกามยาวจังหวัดพะเยา ซึ่งนำแม่อายุ 75 ปี เข้าทำการรักษาด้วยการฝังเข็มที่คลินิกดังกล่าว ระบุว่า ก่อนหน้านั้นแม่ได้มีอาการเจ็บป่วยโดยเป็นโรคกระดูกทับเส้นและเดินแทบไม่ไม่ได้ เดินทางไปหาหมอหลายแห่ง หมอแนะนำให้มีการผ่าตัดแต่ตนเองพร้อมกับญาติ เลยปรึกษากันว่าจะลองรักษาด้วยแพทย์ทางเลือก ด้วยการฝังเข็มพบว่าหลังจากที่ฝังเข็มผ่านไปประมาณ 3 ครั้งแม่สามารถเดินได้เป็นอย่างดีจากแต่ก่อนจะเดินก็ลำบากมากและไม่อยากลุกไปไหนตอนนี้สามารถเดินไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก

ขณะที่นางท่อน ก๋าแก้ว อายุ 75 ปี แม่ของ สิบประวิทย์ เล่าว่า ก่อนหน้านั้นตนเองไม่สามารถที่จะเดินได้อย่างสะดวกแต่หลังจากที่เข้ารับการรักษาได้ 3 ครั้งสามารถที่จะเดินได้คล่องขึ้น

สำหรับแพทย์จีนสมศักดิ์ แซ่ลิ้ว แพทย์ฝังเข็ม ระบุว่า อาชีพในการรักษาด้วยการฝังเข็มนั้นตนเองได้รับการถ่ายทอดมาตั้งแต่สมัยรุ่นปู่และรุ่นพ่อเนื่องจากตนเองเป็นชาวจีนฮ่อ ซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่ ที่ทุรกันดารในการที่จะรักษาอาการเจ็บป่วยของชาวบ้านในอดีตก็จะเป็นลักษณะแพทย์แผนจีนตนเองจึง ได้รับการถ่ายทอดมาจากปู่และพ่อของตนเองจากนั้นก็ได้ไปศึกษาต่อที่ประเทศจีน โดยการต้องลงทะเบียนกับกระทรวงสาธารณสุขไทยก่อนที่จะเดินทางไปเรียน จากนั้นก็ได้รับการรับรองและรักษาคนไข้ด้วยการฝังเข็ม มากว่า 35 ปี ซึ่งโรคที่รักษาให้กับคนไข้นั้นก็จะมีทั้ง อัมพฤกษ์อัมพาต กระดูกทับเส้น ปวดหัวเข่า ปวดไหล่ อัลไซเมอร์ พาร์กินสัน โรคสายตา สายตามองไม่ชัด หูไม่ค่อยได้ยินการพูดไม่ชัด ปากเบี้ยวตาเหล่ซึ่งการรักษาด้วยแพทย์แผนจีนลักษณะการฝังเข็มดังกล่าวนั้นจะสามารถ รักษาได้ทุกโรค ซึ่งการรักษาของตนเองนั้นก็จะเน้นในเรื่องของการรักษาให้หายโดยวิธีการฝังเข็มที่เป็นศาสตร์ของแพทย์แผนจีนที่มีมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ซึ่งปัจจุบันก็มีผู้ที่เดินทางเข้ารับการรักษา ทั้งที่เป็นคนไทยและชาวต่างประเทศมากมาย ทั้งอเมริกา แคนาดาออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง สิงคโปร์และมาเลเซีย อังกฤษซึ่งปัจจุบันก็สามารถที่จะรับการรักษาให้กับผู้ป่วยได้เฉลี่ยวันละ 25 ถึง 30 คน

ซึ่งจากการติดตามการรักษาของผู้สื่อข่าวที่เดินทางเข้ารักษาในครั้งนี้ด้วย พบว่ามีผู้ป่วยที่มีอาการหนักโดยการผ่าตัดสมองเนื่องจากเกิดอุบัติเหตุตกต้นไม้ ซึ่งในครั้งแรกไม่สามารถพูดจาได้ ล่าสุดเมื่อผ่านการรักษาด้วยการฝังเข็ม ประมาณ 6-7 ครั้ง พบว่าผู้ป่วยสามารถที่จะพูดโต้ตอบกับผู้คนทั่วไปได้เกือบเป็นปกตินอกจากนั้นในเรื่องของการรักษาแล้วถือว่าชาวบ้านทั่วไปสามารถเข้ารักษาได้ด้วยค่าใช้จ่ายเพียงหลักร้อย