จ่อปิด ! "ศูนย์ฉีดวัคซีนบางซื่อ" 30 ก.ย.นี้ ก่อนประกาศเป็นโรคติดต่อเฝ้าระวัง
18 ส.ค. 2565, 14:48
เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2565 พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ฉีดวัคซีนสถานีกลางบางซื่อ เปิดเผยว่า ตามแผนการให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของศูนย์ฉีดฯ บางซื่อ ที่จะยุติในวันที่ 31 สิงหาคมนี้ แต่ก็พบว่ายังมีประชาชนทยอยมาฉีดวัคซีนโควิด-19 ต่อเนื่อง จึงได้มีการหารือร่วมกับกรมการแพทย์ และกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ข้อสรุปว่าจะเปิดให้บริการถึงวันที่ 30 กันยายนนี้ ซึ่งสอดคล้องกับที่ สธ. มีแผนการประกาศให้โรคโควิด-19 เปลี่ยนจากโรคติดต่ออันตราย เป็น โรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ในวันที่ 1 ตุลาคม 2565
อย่างไรก็ตาม การเดินหน้าเปิดประเทศ เปิดเศรษฐกิจอย่างปลอดภัย ตั้งเป้าตัวเลขการฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้น (บูสเตอร์ โดส) ตั้งแต่เข็มที่ 3 ขึ้นไป ยังไว้ที่ร้อยละ 60-70 ของประชากร ซึ่งขณะนี้ยังฉีดได้ประมาณร้อยละ 50 เศษๆ จึงจำเป็นต้องเร่งฉีดวัคซีนบูสเตอร์ให้มากขึ้นกว่านี้
“เราจึงต้องเปิดศูนย์ให้บริการประชาชนเพื่อมากระตุ้นวัคซีนในช่วงนี้จนถึงวันที่ปิดศูนย์ เรื่องวัคซีนรุ่นใหม่ ที่แต่ละบริษัทพัฒนาให้รับกับการกลายพันธุ์ของไวรัส ปรับรูปแบบวัคซีนให้ดีขึ้น ซึ่งเดิมผู้ผลิตประกาศว่าอาจจะออกมาในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม 2565 แต่ตอนนี้อาจจะดีเลย์ (ล่าช้า) ออกไป ก็คาดว่าไทยจะมีวัคซีนรุ่นใหม่ในช่วงต้นปี 2566
ฉะนั้น คนที่ฉีดกระตุ้นไปก่อนหน้านี้เกิน 4 เดือน ภูมิคุ้มกันก็อาจจะตก เราก็เปิดให้บริการฉีดถึงวันที่ 30 กันยายน เพื่อเป็นการกระตุ้นรอวัคซีนรุ่นใหม่ ซึ่งหากสถานการณ์ในช่วงนั้นไม่มีการระบาดมาก ก็จะเป็นการฉีดวัคซีนในสถานพยาบาลทั่วไปได้” พญ.มิ่งขวัญกล่าว
ผู้อำนวยการศูนย์ฉีดฯบางซื่อ กล่าวว่า ที่ผ่านมาศูนย์ฉีดฯบางซื่อ ฉีดวัคซีนโควิด-19 ไปแล้วกว่า 6.3 ล้านโดส ซึ่งเป็นศูนย์เดียวของไทยและมีขนาดใหญ่มากที่สุดเมื่อเทียบกับศูนย์อื่นๆ ทั่วโลก เพราะเขาไม่ได้เปิดต่อเนื่องเหมือนที่ศูนยฉีดฯบางซื่อ
อย่างไรก็ตาม ต้องใช้สถานการณ์ที่ผ่านมาเป็นประสบการณ์ ถอดบทเรียนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พันธมิตรและเครือข่าย ว่าหากมีภาวะฉุกเฉินเช่นนี้เกิดขึ้นอีก จะต้องดำเนินการอย่างไร ระดมคน ทรัพยากร เทคโนโลยีอย่างไร ซึ่งขณะนี้มีการถอดบทเรียนและเตรียมรับมือในรูปแบบฉากทัศน์ (scenario setting) ฉะนั้น ในวันที่ 30 กันยายนนี้ จะปิดแน่หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่อาจเปลี่ยนแปลงได้
“แต่ที่เราวางแผนรับมือไว้คือ ศูนย์ฉีดฯบางซื่อต้องมีความพร้อมและกลับมาเปิดให้บริการได้ผ่านใน 1 วัน ทั้งกรณีที่อาจเกิดการระบาดใหม่ หรือกรณีที่วัคซีนรุ่นใหม่เข้ามาแล้วจำเป็นต้องระดมฉีดจำนวนมาก ทั้งนี้ เรื่องสถานที่ เราประสานกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กระทรวงคมนาคม ว่า แม้จะปิดศูนย์ในวันที่ 30 กันยายนนี้ แต่ยังมีการเตรียมพร้อมเพื่อกลับมาเปิดใหม่ ดังนั้น ครุภัณฑ์ต่างๆ ก็จะเก็บรักษาไว้ที่สถานีกลางบางซื่อในส่วนที่การรถไฟฯ ยังไม่ได้เปิดใช้งาน
สุดท้ายแล้ว การที่เราประกาศยุติให้บริการที่ศูนย์ฉีดฯบางซื่อ ก็เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนไปรับวัคซีน โดยเฉพาะกลุ่ม 608 และที่สำคัญคือ การส่งสัญญาณเชิงบวก (positive signals) ว่า ประเทศไทยได้ร่วมผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกันแล้ว แต่เรายังต้องให้ความสำคัญกับวัคซีนอยู่ เพราะตัวเลขการติดเชื้อที่เห็นรายงานวันละ 1-2 พันราย เป็นการเข้าระบบ แต่คนที่ติดเชื้ออาการน้อยไม่ได้เข้าระบบก็มีอีกมาก อาจถึง 5-10 เท่า จากตัวเลขที่เราเห็น ส่วนคนเสียชีวิตเฉลี่ยวันละ 30 ราย คนทั่วไปอาจมองว่าปกติ แต่หากเกิดขึ้นกับคนที่เรารัก คนในครอบครัว นั่นคือ 1 ชีวิต ดังนั้น การฉีดวัคซีนยังมีความจำเป็นมาก โดยเฉพาะกลุ่มสูงอายุ” พญ.มิ่งขวัญกล่าว
อย่างไรก็ตาม พญ.มิ่งขวัญกล่าวว่า สำหรับผู้ที่จะเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่ศูนย์ฉีดฯบางซื่อ เปิดใน 2 วิธี ทั้งการจองล่วงหน้าผ่านเครือข่ายมือถือ และวอล์ก อิน (Walk-in) แต่หากประชาชนที่ทราบวันเวลาที่ต้องการเข้ารับวัคซีน แนะนำให้ลงทะเบียนจองมาก่อน เพื่อแบ่งเบาภาระการรับวอล์ก อิน