จากกรณีผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องขอความเป็นธรรม กรณีเรื่องของการกู้เงินสหกรณ์บ้านมั่นคงสุรินทร์ จำกัด เพื่อเช่าซื้อบ้านและที่ดินของโรงการบ้านมั่นคงสุรินทร์ ตั้งอยู่ที่ชุมชนทุ่งโพธิ์ เขตเทศบาลเมืองสุรินทร์ อำเภอเมืองสุรินทร จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งบ้านในโครงการจำนวน 169 หลัง โดยผู้ร้องขอความเป็นธรรมคือนางสาวพิฌยาวัลย์ วัชรกุลอภิโชค เผยว่าตนซึ่งได้เช่า-ซื้อบ้านและที่ดินในโครงการฯเลขที่300/44 อาคาร c ซึ่งเป็นตึกแถว 2 ชั้น ขนาด 10 ตาราววา และได้ซื้อที่ดินด้านข้างติดกับบ้านเพิ่ม 9 ตาราวาง รวมเป็น 19 ตารางวา

แต่การเช่าซื้อกลับมีปัญหา ทั้งเรื่องที่ดิน และเรื่องของที่อยู่อาศัย โดยที่ดินนั้นได้ผ่อนเป็นงวดๆละ 1,320 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 15 ปี และบ้านผ่อนเดือนละ1,880 บาท รวมระยะเวลา 15 ปี ตามสัญญาเช่า-ซื้อ กับโครงการ โดยทำการผ่อนมาตั้งแต่ทำสัญญาเมื่อปี 2560 เป็นเวลา 5 ปีแล้ว และต่อมาตนได้หาเงินเก็บพอได้ที่จะปิดค่าที่ดินที่ผ่อนผันและบ้าน กลับไม่สามารถปิดได้ เรื่องของที่ดินก็จ่ายไปครบแล้ว ได้เอกสารเป็นใบเสร็จมาแล้ว กลับบอกว่าจะถอนคืนให้ และหาว่าจะทิ้งภาระหนี้ดอกเบี้ยให้กับสมาชิกที่เหลือแบกรับภาระเป็นเวลานับ 10 ปี ทำเอางงไปหมดทั้งที่ตนจ่ายเงินปิดค่างวดน่าจะเป็นผลดี แต่กลับถูกหาว่าทิ้งภาะหนี้ให้คนอื่น อีกทั้งในเรื่องของที่ดินส่วนเกิน เคยไปปรึกษาที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดไปแล้ว และได้มีเจ้าหน้าที่เข้าไกล่เกลี่ย และทางโครงการหมู่บ้านจะส่งเจ้าหน้าที่มาวัดเขตให้ เพื่อที่ตนจะได้ดำเนินการใช้ประโยชน์ในที่ดินของตน แต่จนถึงบัดนนี้ 5 ปีแล้ว ก็ไม่มีการออกมาวัดที่ให้ อ้างปิดบัญชีไม่ลงตัว และไม่สามารถทำประโยชน์ได้ และสัญญาเช่าซื้อที่ถือไว้กลับถูกบอกว่าเป็นของกรรมการชุดเดิมทำไว้ใช้ไม่ได้ ให้ไปยึดถือกฏระเบียบของสหกรณ์แทน ทำเอางงเป็นอย่างมาก เห็นว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรมในเรื่องดังกล่าว จึงได้ออกมาร้องเรียนเพื่อขอความเป็นธรรมในเรื่องที่เกิดขึ้น

ล่าสุด-วันนี้ (28 ส.ค. 65)ที่ สนง.สหกรณ์บริการบ้านมั่งคง เมืองสุรินทร์ จำกัด เลขที่ 21/1 ถ.ศิริรัฐ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ นางสาวพิฌยาวัลย์ วัชรกุลอภิโชค ได้เดินทางมาร่วมรับฟังคำชี้แจ้งและปรึกษาหารือถึงกรณีที่เกิดขึ้น จากนางบุหงา ยืนยง ประธานกรรมการ สหกรณ์บริการบ้านมั่นคงสุรินทร์ จำกัด และคณะกรรมการสหกรณ์ฯ โดยนางบุหงา ยืนยง ประธานกรรมการกล่าวว่า สหกรณ์เราก่อตั้งขึ้นมาจากผู้มีรายได้น้อย รวมกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนถึงจะมีเงินมีพลังไปกู้กับ พัฒนาองค์กรชุมชนท้องถิ่น(พอช.)ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐที่คอยช่วยเหลือ ผู้มีรายได้น้อยที่อยากมีบ้าน จากนั้นจึงรวมกลุ่มกันเป็นสหกรณ์โดยมีคณะกรรมการบริหาร 15 คน ในการบริหารจัดการการเงินและระเบียบต่างๆ พอช.ถึงจะอนุมัติปล่อยกู้ให้เงินสร้างบ้าน โดยรัฐบาลช่วยค่าสร้างบ้านหลังละสองหมื่นห้าและค่าสาธารณาประโภคสองหมื่นห้า โดยภายใต้ของสหกรณ์เราตกลงกับทาง พอช.ว่าดอกเบี้ยร้อยละ 4 บาท ระยะเวลา 15 ปี หรือ 180 งวด และเก็บเพิ่มกับสมาชิก 2 บาท รวมเป็น 6 บาท เพื่อนำมาบริหารจัดการภายในสหกรณ์ ต่อกรณีที่ น.ส.พิฌยาวัลย์ ร้องว่าทำไมถึงตัดงวดไม่ได้ ต้องเข้าใจว่าเราเป็นเพียงสหกรณ์เล็กๆ เป็นพี่น้องคนจนผู้มีรายได้น้อยมาออมเงิน เพื่อที่อยากได้บ้านโดยไม่ต้องผ่านแบงค์ ก็ได้เงินออมจากสมาชิกเท่านั้นที่มาบริการหารจัดการในสหกรณ์ นี้คือที่มาที่ไปในการก่อตั้งสหกรณ์ ภายใต้การกู้เงินได้ก็มีข้อบังคับของ พอช.ร่วมกับสหกรณ์ร่วมกัน มีอะไรบ้างซึ่งของสหกรณ์สมาชิกต้องยอมรับในกฏกติกาได้ไหม โดยสมาชิกทุกคนรับได้และก็มีกกระเบียบตามมาด้วยการจัดการในระบบสหกรณ์ ซึ่งการคัดคนนั้นทุกคนก็ยากจนหมด จึงได้ลงนามว่ากู้ภายใน 15 ปี 180 งวด ด้วยเงินที่ 2 พันกว่าบาท ซึ่งก็ทั่วถึงไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน โดยก่อนที่จะมาสมัครเป็นสมาชิกทุกคนต้องมาเซ็นร่วมกัน ยอมรับระเบียบสหกรณ์

ต่อกรณีที่มีการร้องขอความเป็นธรรมในเรื่องการปิดงวดนั้น เราได้ทำสัญญากับทาง พอช. ดอกเบี้ย 4 บาท ตลอด15 ปี ถ้าอยากปิดเราก็จะคำนวนให้ แต่ผู้ร้องจะมาปิดแค่เงินต้น ซึ่งไม่สามารถทำได้ จะต้องคำนวณรวมดอกเบี้ยตลอด 15 ปีด้วย ในขณะเดียวกันในสัญญาเช่า-ซื้อที่ทำไว้ว่าลดต้นลดดอก ไม่สามารถใช้ได้ ซึ่งจะต้องถือสัญญาจาก พอช.ดอกเบี้ยยืนพื้นตลอด 15 ปี ก็ขอให้เข้าใจหากจะปิดจะต้องเคลียร์ทั้งต้นทั้งดอกเบี้ย 15 ปี เพราะเป็นกฎระเบียบข้อบังคับของสหกรณ์

เช่นเดียวกันกับเรื่องของการเช่าซื้อที่ดิน เรายังอยู่ภายใต้การกู้เงินจาก พอช.โดยเอาโฉนดไปจำนอง ซึ่งในกรณีจำนองจะไถ่ถอนไม่ได้จะต้องครบตามสัญญา 15 ปี ทั้งหมด 169 หลัง ที่ยังจดจำนองอยู่กับเขา ยังปิดไม่ได้ แต่หากปิดแล้ว ก็ยังคงอยู่ในกฎระเบียบของสหกรณ์ ก็ยังไม่สามารถทำประโยชน์ใดๆได้ ซึ่งก็ได้ทำความเข้าใจกับผู้ร้องเรียนได้เข้าใจในวันนี้ เพื่อให้ทราบถึงเหตุผลที่ไม่สามารถปิดได้ และก็ได้ทำความเข้าใจกันเพื่อให้รับทราบและได้ข้อสรุป โดยประเด็นดังกล่าว หากยังรับข้อเสนอของทางสหกรณ์ไม่ได้ สหกรณ์ก็พร้อมที่จะรับซื้อคืน ในส่วนเงินที่จ่ายปิดที่ดินไปนั้นก็ได้แจ้งจะคืนเงินให้แล้ว แต่ทางผู้ร้องไม่รับ ถ้าไม่รับต้องการปิดจริงๆ เราได้ปรึกษาหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วต้องจ่ายทั้งต้นรวมดอกเบี้ย 15 ปี โดยทางสหกรณ์จะคิดยอดรวมให้ใหม่ ในขณะที่สัญญาที่เช่า-ซื้อบ้านและที่ดินนั้นต้องยอมรับว่าย้อนแย้งกับกฎระเบียบข้อบังคับของสหกรณ์ โดยขอให้ยึดระเบียบของสหกรณ์เป็นหลัก ส่วนในเรื่องการเข้าทำประโยชน์ในที่ดินว่างเปล่าที่ซื้อไว้ ตามระเรียบสหกรณ์ให้ทำได้แค่ โรงจอดรถหรือทำเป็นครัว ไม่สามารถทำเป็นที่อยู่อาศัยจนกว่าสหกรณ์จะชำระหนี้ที่กู้กับ พอช.หมด