ปภ.เผย 21 จังหวัดยังเจออุทกภัย เร่งระบายน้ำ-ช่วยเหลือผู้ประสบภัย
26 ต.ค. 2565, 16:30
วันนี้ ( 26 ต.ค.65 ) เวลา 10.30 น. ปภ.รายงานยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 21 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก นครสวรรค์ ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี ลพบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม นครนายก และปราจีนบุรี รวม 90 อำเภอ 705 ตำบล 4,667 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบรวม 401,374 ครัวเรือน สถานการณ์ภาพรวมทุกจังหวัดมีแนวโน้มระดับน้ำลดลง ทั้งนี้ ปภ. ได้ประสานจังหวัดดูแลช่วยเหลือผู้ประสบภัยและเร่งระบายน้ำเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ภัย
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานจากอิทธิพลมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย รวมถึงความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบน และร่องมรสุมพาดผ่านภาคใต้ตอนกลาง ในห้วงที่ผ่านมา ประกอบกับมีการระบายน้ำจากเขื่อนลงแม่น้ำสายหลัก และลำน้ำสาขา ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และน้ำท่วมขัง โดยในช่วงวันที่ 28 ก.ย. – 26 ต.ค. 65 ได้เกิดอุทกภัย รวม 59 จังหวัด 353 อำเภอ 1,879 ตำบล 11,770 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 528,063 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 12 ราย ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 21 จังหวัด รวม 90 อำเภอ 705 ตำบล 4,667 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 401,374 ครัวเรือน สถานการณ์ภาพรวมทุกจังหวัดมีแนวโน้มระดับน้ำลดลง ดังนี้
1. พิษณุโลก น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางระกำ และอำเภอพรหมพิราม รวม 17 ตำบล 87 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,903 ครัวเรือน
2. นครสวรรค์ น้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอพยุหะคีรี อำเภอโกรกพระ อำเภอเมืองนครสวรรค์ อำเภอเก้าเลี้ยว และอำเภอชุมแสง รวม 33 ตำบล 133 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 24,5907 ครัวเรือน
3. ขอนแก่น น้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองขอนแก่น อำเภอชนบท อำเภอน้ำพอง อำเภอหนองนาคำ และหนองเรือรวม 12 ตำบล 33 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,351 ครัวเรือน
4. มหาสารคาม น้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองมหาสารคาม อำเภอกันทรวิชัย อำเภอโกสุมพิสัย และอำเภอเชียงยืน รวม 46 ตำบล 562 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 13,615 ครัวเรือน
5. กาฬสินธุ์ น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอฆ้องชัย และอำเภอกมลาไสย รวม 6 ตำบล 34 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,143 ครัวเรือน
6. ร้อยเอ็ด น้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอโพนทราย อำเภอจังหาร อำเภอเชียงขวัญ อำเภอโพธิ์ชัย อำเภอเสลภูมิ และอำเภอทุ่มเขาหลวง รวม 21 ตำบล 112 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 5,474 ครัวเรือน
7. สุรินทร์ น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอท่าตูม และอำเภอรัตนบุรี รวม 13 ตำบล 65 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 17,808 ครัวเรือน
8. ศรีสะเกษ น้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองศรีสะเกษ อำเภอกันทรารมย์ อำเภอราษีไศล อำเภอยางชุมน้อย และอำเภอศิลาลาด รวม 30 ตำบล 238 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 7,983 ครัวเรือน อพยพประชาชน 913 ครัวเรือน ไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว 35 จุด มีผู้เสียชีวิต 3 ราย
9. อุบลราชธานี น้ำท่วมในพื้นที่ 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองอุบลราชธานี อำเภอวารินชำราบ อำเภอสว่างวีระวงศ์ อำเภอตาลสุม อำเภอดอนมดแดง อำเภอสำโรง อำเภอพิบูลมังสาหาร และอำเภอเขื่องใน รวม 31 ตำบล 177 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 7,661 ครัวเรือน อพยพประชาชน 281 ชุมชน ไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว 103 จุด
10. อุทัยธานี น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองอุทัยธานี และอำเภอหนองขาหย่าง รวม 13 ตำบล 60 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 5,195 ครัวเรือน
11. ชัยนาท น้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองชัยนาท อำเภอวัดสิงห์ อำเภอมโนรมย์ และอำเภอสรรพยา รวม 18 ตำบล 98 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 11,700 ครัวเรือน
12. สิงห์บุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภออินทร์บุรี อำเภอเมืองสิงห์บุรี อำเภอท่าช้าง อำเภอพรหมบุรี อำเภอบางระจัน และอำเภอค่ายบางระจัน รวม 27 ตำบล 183 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 21,408 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 6 ราย
13. อ่างทอง น้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอวิเศษชัยชาญ อำเภอป่าโมก อำเภอไชโย อำเภอเมืองอ่างทอง อำเภอโพธิ์ทอง และอำเภอแสวงหา รวม 50 ตำบล 300 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 22,881 ครัวเรือน
14. พระนครศรีอยุธยา น้ำท่วมในพื้นที่ 12 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเสนา อำเภอผักไห่ อำเภอบางบาล อำเภอบางไทร อำเภอบางปะอิน อำเภอพระนครศรีอยุธยา อำเภอบางปะหัน อำเภอนครหลวง อำเภอมหาราช อำเภออุทัย อำเภอบ้านแพรก และอำเภอบางซ้าย รวม 158 ตำบล 1,031 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 80,770 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย
15. ปทุมธานี น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองปทุมธานี และอำเภอสามโคก รวม 21 ตำบล 62 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 5,771 ครัวเรือน
16. นนทบุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอปากเกร็ด อำเภอบางกรวย อำเภอเมืองนนทบุรี อำเภอบางใหญ่ และอำเภอบางบัวทอง รวม 42 ตำบล 271 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 111,056 ครัวเรือน
17. ลพบุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองลพบุรี และอำเภอบ้านหมี่ รวม 14 ตำบล 63 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 4,848 ครัวเรือน
18. สุพรรณบุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองสุพรรณบุรี อำเภอบางปลาม้า และอำเภอสองพี่น้อง รวม 43 ตำบล 271 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 26,105 ครัวเรือน
19. นครปฐม น้ำท่วมในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองนครปฐม อำเภอกำแพงแสน อำเภอดอนตูม อำเภอพุทธมณฑล อำเภอสามพราน อำเภอบางเลน และอำเภอนครชัยศรี รวม 94 ตำบล 791 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 20,382 หมู่บ้าน
20. นครนายก น้ำท่วมในพื้นที่อำเภอองครักษ์ รวม 10 ตำบล 41 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,245 ครัวเรือน
21. ปราจีนบุรี น้ำท่วมในพื้นที่อำเภอบ้านสร้าง รวม 6 ตำบล 55 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 5,168 ครัวเรือน
สำหรับการให้ความช่วยเหลือกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดที่ประสบภัยได้ประสานจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งระบายน้ำท่วมและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เข้าสำรวจประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ต่อไป ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับ แจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ประชาชนยังสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยได้ที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT”