นายกฯ เชื่อมั่นระบบสธ. หลัง WHO ยกไทยเป็นประเทศแรกประเมินศักยภาพระบบสาธารณสุขผู้ลี้ภัย
30 ต.ค. 2565, 17:27
วันนี้ ( 30 ต.ค.65 ) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบกรณี ไทยเข้ารับการประเมินศักยภาพระบบบริการสาธารณสุขสำหรับผู้ลี้ภัย ผู้ย้ายถิ่นฐาน และแรงงานต่างด้าว โดยผู้เชี่ยวชาญองค์การอนามัยโลก
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้รายงานว่า ไทยเป็นประเทศแรกที่ได้เข้ารับการประเมินศักยภาพระบบบริการสาธารณสุขสำหรับผู้ลี้ภัย ผู้ย้ายถิ่นฐาน และแรงงานต่างด้าว เนื่องจากมีระบบการดูแลอย่างดี และมีประสิทธิภาพในช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 โดยได้มีการลงพื้นที่ในจังหวัดกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งมีผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย คณะผู้เชี่ยวชาญของไทยและองค์กรระหว่างประเทศ ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม
องค์การอนามัยโลกดำเนินการโครงการ “Joint Assessment Mission to Assess Health System Capacity and Essential Public Health Functions to Address the Health Needs of Refugees and Migrants in Thailand” โดยส่งคณะผู้เชี่ยวชาญขององค์กรระหว่างประเทศมาปฏิบัติภารกิจประเมินประเทศไทยด้านการดำเนินการเกี่ยวกับระบบสุขภาพ หน้าที่ ศักยภาพ และกระบวนการด้านสาธารณสุขที่จำเป็น ความพร้อมของสถานบริการสุขภาพที่ให้บริการแก่ผู้ลี้ภัยและผู้ย้ายถิ่นฐาน รวมถึงชุมชนที่รับกลุ่มบุคคลดังกล่าว โดยคณะผู้เชี่ยวชาญขององค์กรระหว่างประเทศร่วมกับคณะผู้เชี่ยวชาญไทย จำนวน 7 คน และผู้สังเกตการณ์ 3 คน รวมทั้งสิ้น 10 คน ได้ลงพื้นที่จังหวัดเป้าหมาย ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สมุทรสาคร และตาก เมื่อช่วงวันที่ 17-21 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา
“นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการดูแลบริหารจัดการด้านการสาธารณสุขอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งที่ผ่านมาในช่วงการระบาดของโควิด-19 ประเทศไทยได้รับการชื่นชมจากนานาชาติว่า สามารถบริหารจัดการด้านการสาธารณสุขอย่างมีประสิทธิภาพ ให้การดูแลสุขภาพคนไทยเป็นอย่างดี รวมทั้งให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพของคนต่างด้าว แรงงานต่างด้าว ผู้ลี้ภัยและผู้ย้ายถิ่นฐานที่อยู่ในแผ่นดินไทย ให้สามารถเข้าถึงบริการรักษา และได้รับวัคซีนอย่างเท่าเทียม ตามนโยบายของรัฐบาลที่ให้ทุกคนที่อาศัยในแผ่นดินไทยได้รับการดูแลรักษาที่ดีและเท่าเทียม โดยเฉพาะในช่วงที่มีโรคระบาด เพราะแรงงานต่างด้าวถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจไทย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นในมาตรฐานสาธารณสุขของไทย ที่มีศักยภาพ น่าเชื่อถือ และมีโอกาสในการต่อยอดพัฒนาอย่างโดดเด่นในเวทีภูมิภาค และเป็นที่ยอมรับของความเป็นเลิศด้านสาธารณสุขจากทั่วโลก” นายอนุชา ฯ กล่าว