"เจ้าของสวนทุเรียน" เขียนจม. ฉบับสุดท้าย ก่อนจ่อยิงขมับจบชีวิตในป่าหลังบ้าน
26 ก.ย. 2562, 14:31
วันที่ 26 ก.ย.62 พ.ต.ท.วิทยา จันทร์นุ้ย รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.บ้านวิสัยเหนือ จ.ชุมพร ได้รับแจ้งว่ามีคนถูกยิงนอนเสียชีวิตในป่าพื้นที่หมู่ 8 บ้านเขาชันโต๊ะ อำเภอเมืองชุมพรจึงพร้อมด้วยร.ต.อ.อารักษ์ รักษาวงศ์ พนักงานสอบสวน ตำรวจชุดสืบสวน แพทย์โรงพยาบาลชุมพรเขตอุดมศักดิ์ หน่วยอาสากู้ภัยมูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์รุดตรวจสอบ
จุดเกิดเหตุอยู่ในป่าติดสวนทุเรียนพันธุ์หมอนทองบนเนื้อที่เกือบ 10 ไร่หลังบ้านเลขที่ 8/1 หมู่ 8 ตำบลวิสัยเหนือริมถนนสายสี่แยกวิสัย(เอเชีย 41)-บ้านวังใหม่ กม.ที่ 19 พบศพผู้เสียชีวิตทราบชื่อต่อมาคือนายพงษ์ศักดิ์ รัตนชัย อายุ 46 ปี เป็นเจ้าของบ้านหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบว่าสภาพนอนหงายสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีน้ำตาลใส่กางเกงวอร์มขายาวสีน้ำเงินถูกยิง 1 นัดด้วยอาวุธปืน.22 ชนิดลูกโม่ มีสนิมขึ้นสภาพเก่าเข้าบริเวณขมับขวากระสุนฝัง ซึ่งมือข้างขวายังกำอาวุธปืนไว้แน่นซึ่งวางไว้บนอก พบว่าในรังเพลิงมีกระสุนปืนบรรจุไว้เต็มโม่ 7 นัด ถูกยิงไป 3 นัด เหลือ 4 นัด ค้นกระเป๋าพบใบกระท่อม 4-5 ใบ มียาเส้นใบจาก ขวดยาธาตุน้ำขาว โทรศัพท์มือถือ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน โดยเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 2 วัน ศพเริ่มอืดส่งกลิ่นเน่าเหม็น
จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่า ผู้สียชีวิตเป็นเจ้าของสวนทุเรียนหายแปลงในหลายพื้นที่ ถือว่ามีฐานะทางการเงินดีคนหนึ่ง แต่ปัจจุบันอยู่ตัวคนเดียว ซึ่งก่อนหน้านี้มีผู้เสียหายไปแจ้งความไว้ที่สภ.วิสัยเหนือกล่าวหาว่าผู้เสียชีวิตมีการละเมิดทางเพศเด็กอายุประมาณ 11-12 ปี แต่อยู่ในระหว่างการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจและยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาใดๆ อีกปัญหาคือเรื่องที่ผู้เสียชีวิตทะเลาะปากเสียงกับญาติแต่เรื่องอะไรนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เปิดเผย และผู้เสียชีวิตมีโรคประจำตัวอยู่ด้วย ซึ่งประหาทั้งหมดนายพงษ์ศักดิ์ฯผู้ตายได้เขียนจดหมายลาตายไว้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมาโดยบ่นตัดเพ้อถึงปัญหาทั้งหมดไว้ในหน้ากระดาษจำนวน 4 ฉบับและในข้อความของจดหมายตอนหนึ่งบอกว่าสวนทุเรียนหลังบ้านยกให้น้องชายคนสุดท้องด้วย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่านายพงษ์ศักดิ์ฯเครียดปัญหารุมเร้าจึงตัดสินใจปลิดชีพตัวเอง ก่อนน้องชายจะมาพบเป็นศพดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ด้านแพทย์โรงพยาบาลชุมพรฯให้หน่วยกู้ภัยฯเคลื่อนย้ายศพไปตรวจพิสูจน์อย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อหาสาเหตุที่แท้ริงเพื่อประกอบสำนวนสรุปคดีต่อไป