จากกรณีผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนว่า มีการนำรถแบคโฮขุดดินและเครื่องกลหนักเจาะหิน พร้อมทั้งนำรถบรรทุกเข้ามาขนย้ายตลอดทั้งวัน ใกล้ถนนทางหลวงสาย 4006 (วังตะกอ-พะโต๊ะ)  การกระทำดังกล่าวอยู่บริเวณใต้แนวสายไฟฟ้าแรงสูงและเป็นเชิงเขา จี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบอย่างเร่งด่วนว่าผู้ประกอบการได้รับอนุญาติอย่างถูกต้องหรือไม่อย่างไร

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่ได้รับการร้องเรียน พบว่ามีการกระทำอย่างที่ได้รับแจ้งจริงโดยพบบ่อดินขนาดใหญ่อยู่ห่างจากถนนทางหลวงสาย 4006(วังตะกอ-พะโต๊ะ) ช่วงหลัก กิโลเมตรที่ 63+900 ประมาณ 50 เมตร หมู่ 7 ตำบลวังตะกอ อ.หลังสวน จ.ชุมพร โดยปากทางเข้าเป็นปกคลุมด้วยต้นไม้บนเชิงเขา ถนนลูกรังเล็กๆขนาดพอดีรถบรรทุกเล่นเข้าออก ถ้ามองมาจากถนนใหญ่สายวังตะกอ-พะโต๊ะมองไม่เห็นบ่อดินดังกล่าว  

ส่วนหลังเชิงเขาพบว่าถูกขุดดินหายไปทั้งแถม และเป็นบ่อขนาดใหญ่ มีความลึกไม่ต่ำกว่า 10 เมตร ใต้แนวสายไฟฟ้าแรงสูงที่พาดผ่านอยู่ด้านบนของบ่อดินดังกล่าว  ส่วนด้านทิศตะวันตกของบ่อดินติดสวนยางพารา ด้านทิศใต้เป็นทางลาดชันติดสวนกล้วยและสวนปาล์มน้ำมันชาวบ้าน 

ขณะที่กำลังตรวจสอบยังพบรถแบคโฮ 1 คัน รถบรรทุก 6 ล้อ 2 คัน และรถจักรกลหนักกำลังจุดเจาะหิน โดยใช้รถแบคโฮตักอีกคันตักใส่รถบรรทุกออกนอกพื้นที่ดังกล่าว ตามที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2566 ผู้สื่อข่าวได้ติดตามความคืบหน้ากรณีดังกล่าว โดยลงพื้นที่ซ้ำ พบว่าถนนลูกรังที่อยู่ริมถนนทางหลางสาย 4006 (วังตะกอ-พะโต๊ะ) ได้มีการนำกองดิน และต้นไม้ไผ่ มาปิดทางเข้าออกทั้งสองด้าน แต่ไม่พบรถบรรทุกดินและรถแบคโฮ

ทางด้านพ.ต.อ.ฉลาด  พลนาการ  ผกก.สภ.หลังสวน จ.ชุมพร กล่าวว่า “หลังสื่อมวลชนนำเสนอข่าวเพียง 2 วัน มีเจ้าหน้าที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (สปก.) เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.หลังสวน หลังจากนั้นได้นัดเจ้าหน้าที่สปก.เพื่อสอบสวนเพิ่มเติมในฐานะเจ้าทุกข์ แต่ยังไม่ได้เดินทางเข้าพบโดยแจ้งว่าอยู่ในช่วงวันหยุดปีใหม่” 

ทั้งนี้กรณีดังกล่าว ยังมีข้อสงสัยว่าการลักลอบขุดดินขุดหินนั้นรัฐได้รับความเสียหายมากน้อยแค่ไหน ซึ่งอยู่ในระหว่างการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ในเขตที่ดิน สปก.หลังถูกบุกรุกและมีเจ้าหน้าที่ส่วนใดบ้างที่อื้อประโยชน์ต่อนายทุนหรือไม่  เพราะเป็นที่สงสัยเนื่องจากบริเวณพื้นที่แนวเชิงเขาและแนวใต้เสาไฟฟ้าแรงสูงดังกล่าวมีการบุกรุกกันมานานจนเป็นบ่อลึกขนาดใหญ่ ซึ่งเรื่องนี้หากปล่อยไว้ทำให้เกิดความเสียหายต่อรัฐและสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก