ผอ.ร.ร.บ้านแปลง ควบปิคอัพกว่า 900 กม.ข้ามภาคมารับ 2 พี่น้อง น.ร.กลับไปเรียนหนังสือต่อ
7 ก.พ. 2566, 05:18
เมื่อเวลา 22.15 น. วันที่ 6 ก.พ. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านเลขที่ 90 บ้านสันติสุข ต.ดงรัก อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ นายเชิดศักดิ์ ทองสว่าง ผอ.ร.ร.บ้านแปลง (รามคำแหงอนุสรณ์ 7) ต.เกาะจันทร์ อ.เกาะจันทร์ จ.ชลบุรี พร้อมด้วยคณะครู คือ นายธีระพงศ์ ล่องคลอง และ นายอุเทน มัติโก ได้เดินทางมาพบกับนายสังเวียน นามวงศ์ อายุ 48 ปี และนางจันทร์ สุภาพรรณ อายุ 48 ปี เป็นเจ้าของบ้านหลังดังกล่าว เนื่องจากนายเชิดศักดิ์ทราบข่าวจากติ๊กต๊อกว่า 2 พี่น้องตามหาพ่อแม่ ญาติพี่น้อง และนายสังเวียนกับนางจันทร์ได้อุปการะเอาไว้ ซึ่งจากการตรวจสอบผู้ที่นำเอามาลงในติ๊กต๊อกคือ น.ส.กนกอร สุพิมพ์ (เพ็ญ) ทราบข้อมูลว่าเด็กทั้ง 2 คนคือ ด.ช.เฉลิมโชค สีดา หรือน้องมืด นักเรียนชั้น ป.4 และ ด.ช.เฉลิมชัย สีดา หรือน้องสว่าง นักเรียนชั้น ป.2 ร.ร.บ้านแปลง (รามคำแหงอนุสรณ์ 7) ดังนั้น จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นได้รับทราบ จากนั้นได้ขับรถปิคอัพออกจาก ร.ร.ช่วงเวลาประมาณ 10.00 น.ของวันนี้ (6 ก.พ.66) เพื่อเดินทางมารับเด็กชายทั้ง 2 คน กลับไปเรียนหนังสือตามปกติ เนื่องจากว่าเด็กทั้ง 2 คนขาดเรียนมาตั้งแต่วันที่ 18 ม.ค.66 เป็นต้นมา เมื่อคณะของ ผอ.ร.ร.บ้านแปลงมาถึงบ้านของนายสังเวียน ได้พบกับ 2 พี่น้อง คือ น้องมืดกับน้องสว่าง ซึ่งได้เดินเข้าไปหา ผอ.ร.ร.และคณะ พร้อมทั้งยกมือไหว้ด้วยความดีใจ
ต่อมา จ.อ.สมควร สิงห์คำ นายอำเภอภูสิงห์ พร้อมด้วย นายสรศิริ จันดีบุตร ปลัดฝ่ายความมั่นคง อ.ภูสิงห์ และคณะ ได้เดินทางมาพบกับคณะของ ผอ.ร.ร.บ้านแปลง เพื่อสอบถามถึงสาเหตุข้อเท็จจริงต่างๆ ที่เกิดขึ้นว่ามีความเป็นมาอย่างไร โดยมี นายศรีสุวรรณรัตน์ อาจอินทร์ ผอ.ร.ร.บ้านนาตราว และนายโทน สานทอง ผญบ.บ้านสันติสุข ร่วมกับชาวบ้านสันติสุขมาต้อนรับ
นายพรชัย สีมะรมย์ อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นผู้ที่รับตัว 2 พี่น้องมาด้วย กล่าวว่า ตนไปทำงานรับจ้างกรีดยางอยู่ใกล้กับบ้านของ 2 พี่น้อง และรู้จักกับพ่อของ 2 พี่น้องเป็นอย่างดี ต่อมา เมื่อวันที่ 18 ม.ค.66 ตนจะเดินทางกลับมาบ้านที่บ้านสันติสุขแห่งนี้ ปรากฏว่าได้พบ 2 พี่น้องโดนชาวบ้านไล่ตีอยู่ข้างสวนยาง สาเหตุเนื่องจากว่าเด็กทั้ง 2 คนค่อนข้างซุกซน ตนจึงได้รับเอา 2 พี่น้องมาด้วย เพื่อไม่ให้ชาวบ้านตี แต่ก็ไม่รู้ว่าจะนำ 2 พี่น้องไปส่งที่ใด เนื่องจากว่าพ่อของ 2 พี่น้องเป็นชาว จ.บุรีรัมย์ มารับจ้างตัดไม้และไม่รู้ว่าไปทำงานที่ใด ส่วนแม่ของ 2 พี่น้องเป็นชาวกัมพูชาเสียชีวิตแล้ว ตนสงสารและเห็นว่าหมามันยังรักลูก แต่นี่เป็นเด็กถึง 2 คน จึงได้นำ 2 พี่น้องกลับมาบ้านที่ จ.ศรีสะเกษด้วย แต่เนื่องจากว่าตนมีฐานะยากจน จึงไม่สามารถเลี้ยงดูเด็กทั้ง 2 คนได้ ทำให้ 2 พี่น้องต้องไปขออาศัยอยู่กับนายสังเวียนและนางจันทร์ ซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้กัน เพื่อขออยู่อาศัยกินอาหารด้วย
ทางด้าน นายสังเวียน นามวงศ์ อายุ 48 ปี ซึ่งรับอุปการะเด็กทั้ง 2 คนเอาไว้ชั่วคราว กล่าวว่า ตนเห็นว่าเด็กทั้ง 2 คนอยู่ในสภาพหิวโหย และได้มาบอกกับตนว่า หนูหิว ไม่มีบ้านอยู่ มาขออาศัยอยู่ด้วย ด้วยความสงสารตนจึงได้ดูแลเด็กทั้ง 2 คนเหมือนลูกหลาน ซึ่งเด็กทั้ง 2 คนจะเรียกตนว่าพ่อ และเรียกนางจันทร์ ภรรยาของตนว่าแม่ โดยทั้ง 2 พี่น้องมาอาศัยอยู่กับตนนานกว่า 1 อาทิตย์แล้ว ต่อมา น.ส.กนกอร สุพิมพ์ (เพ็ญ) ซึ่งเป็นหลานสาวของตน ได้นำเอาเรื่องราวของ 2 พี่น้องไปลงในติ๊กต๊อก ทำให้ ผอ.ร.ร.บ้านแปลง และคณะ ทราบเรื่อง จึงได้มาติดต่อขอรับเด็กทั้ง 2 คนกลับไปหาครอบครัว คือ พ่อของ 2 พี่น้องต่อไป โดยจากการที่ได้พูดคุยกับ 2 พี่น้องแล้ว ทราบว่า พ่อจะชอบดื่มเหล้า เมื่อเวลาเมาก็จะตีเด็กทั้ง 2 คนเป็นประจำ ทำให้เด็กขาดความอบอุ่น เพราะไม่มีแม่คอยดูแล ตนจึงขอฝากให้ ผอ.ร.ร.บ้านแปลงและคณะครูได้ช่วยดูแลให้ความอบอุ่นกับเด็กทั้ง 2 คน และให้ได้เรียนหนังสืออย่างเต็มที่ด้วยเพื่อจะได้เป็นพลเมืองดีของชาติต่อไปในอนาคต
จ.อ.สมควร สิงห์คำ นายอำเภอภูสิงห์ กล่าวว่า ตนได้รับรายงานเรื่องนี้จากนายโทน สานทอง ผู้ใหญ่บ้านบ้านสันติสุขว่า มีเด็ก 2 คนมาพักอาศัยอยู่ที่บ้านสันติสุข ซึ่งตนได้สั่งการให้ผู้ใหญ่บ้านตรวจสอบว่าพ่อแม่ของเด็กเป็นใคร หรือว่าเรียนหนังสืออยู่ที่ไหน เพื่อที่จะได้ตรวจสอบข้อมูลจากทะเบียนราษฎร์ จะได้ส่งตัวเด็กทั้ง 2 คนกลับไปให้พ่อแม่ต่อไป โดยเบื้องตนได้ให้ผู้ใหญ่บ้านสันติสุขและกำนัน ต.ดงรัก เจ้าของพื้นที่ ได้ไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.ภูสิงห์ ไว้เป็นหลักฐานแล้วว่าเด็กทั้ง 2 คนไม่ได้ถูกล่อลวงมาแต่อย่างใด และโชคดีที่ ผอ.ร.ร.บ้านแปลง และคณะทราบเรื่องนี้ จึงได้ออกเดินทางมารับเด็กเดินทางกลับไปที่บ้านหนองไม้แก่น อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเด็กทั้ง 2 คน เพื่อกลับไปอยู่กับพ่อต่อไป เนื่องจากว่าการที่เด็กได้อยู่กับครอบครัวจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดมากกว่าการไปอยู่กับบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ครอบครัวของตนเอง
นายเชิดศักดิ์ ทองสว่าง ผอ.ร.ร.บ้านแปลง (รามคำแหงอนุสรณ์ 7) กล่าวว่า หลังจากที่ตนทราบข่าวจากติ๊ก ต๊อกว่าพบเด็ก 2 คนพี่น้อง คือ น้องมืดกับน้องสว่าง ตามหาญาติพี่น้อง ตนจึงได้นำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมคณะครูที่ ร.ร.เพื่อตรวจสอบว่าเป็นเด็กนักเรียนของตนหรือไม่ และพบว่าเป็นนักเรียนที่ขาดเรียนไปตั้งแต่วันที่ 18 ม.ค.66 เป็นต้นมา ดังนั้น ด้วยความห่วงใยเด็กนักเรียนทั้ง 2 คน ตนจึงได้รายงานเรื่องนี้ให้ ผอ.เขตต้นสังกัดทราบ จากนั้น ได้ขออนุญาตเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวเดินทางมาที่บ้านสันติสุขแห่งนี้ ระยะทางไปกลับกว่า 900 กม.จากภาคตะวันออกมายังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อมารับ 2 พี่น้องกลับไปเรียนหนังสือตามปกติ ตามโครงการ “พาน้องกลับมาเรียน” ตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการและรัฐบาล ในการส่งเสริมโอกาสความเสมอภาคและความเท่าเทียมทางการศึกษา เพื่อแก้ปัญหาเชิงรุกเด็กหลุดออกจากระบบ ซึ่งตนจะได้นำเด็กกลับไปที่ ร.ร.และให้เด็กพักอยู่ที่ ร.ร.เป็นการชั่วคราวก่อน คาดว่าจะเดินทางกลับไปถึงรุ่งเช้าของพรุ่งนี้ (7 ก.พ.66) จากนั้น จะให้ 2 พี่น้องเรียนหนังสือตามปกติ โดยทาง ร.ร.มีชุดนักเรียน เครื่องเขียนแบบเรียนต่างๆ ให้ครบถ้วน และจะได้เชิญพ่อของ 2 พี่น้องมาพูดคุย เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ และหากเป็นไปได้อาจจะให้เด็กทั้ง 2 คนไปอยู่ในความอุปการะของลุงณีตและป้าบัตร ซึ่งทั้ง 2 ท่านเป็นนายจ้างของพ่อเด็กทั้ง 2 คน ไม่มีลูกหลาน และเคยอุปการะเด็กทั้ง 2 คนมาโดยตลอด ตนและคณะครูร่วมกับทุกส่วนที่เกี่ยวข้องจะได้หารือกัน เพื่อแก้ไขปัญหาช่วยเหลือเด็กทั้ง 2 พี่น้องอย่างเต็มที่ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนที่ ผอ.ร.ร.บ้านแปลง และคณะ จะนำตัว 2 พี่น้องกลับไปที่ จ.ชลบุรี นายสังเวียน และบรรดาชาวบ้านสันติสุขได้ร่วมกันบริจาคเงินจำนวนหนึ่งให้กับเด็กทั้ง 2 คน ขณะที่ จ.อ.สมควร สิงห์คำ นายอำเภอภูสิงห์ ได้มอบเงินจำนวน 1,000 บาท เพื่อเป็นทุนการศึกษาให้กับ 2 พี่น้องด้วย