1 มีนานี้ ! กบง. ปรับราคาก๊าซหุงต้มเพิ่มขึ้นกก.ละ 1 บาท จับตาราคาโลกพุ่งอีก
8 ก.พ. 2566, 09:09
จากสถานการณ์กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ได้จ่ายชดเชยก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) เพิ่มขึ้นจากเดิม 6.13 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) เป็น 9.05 บาทต่อ กก. เนื่องจากราคาตลาดโลกเพิ่มขึ้นจากเดิมเฉลี่ย 642.40 เหรียญสหรัฐต่อตัน เป็น 738.19 เหรียญสหรัฐต่อตัน เนื่องจากมีความต้องการใช้ในช่วงฤดูหนาวของกลุ่มประเทศตะวันตก ประกอบกับภาวะสงครามรัสเซีย-ยูเครนทำให้ปริมาณแอลพีจีในตลาดมีจำกัด ส่งผลต่อระดับราคาเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม การอุดหนุนดังกล่าวเพื่อตรึงราคาแอลพีจีครัวเรือนไว้ที่ 408 บาทต่อถัง 15 กก. ตามมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ตั้งแต่วันที่ 1-28 กุมภาพันธ์นี้ ก่อนจะปรับขึ้น กก.ละ 1 บาท หรือ 15 บาทต่อถัง 15 กก. ตั้งแต่วันที่ 1-31 มีนาคม ทำให้ราคาแอลพีจีขยับเป็น 423 บาทต่อถัง 15 กก.
ล่าสุดวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2566 กองทุนน้ำมันฯติดลบ 111,409 ล้านบาท แยกเป็น บัญชีน้ำมันติดลบ 65,896 ล้านบาท และบัญชีแอลพีจีติดลบ 45,513 ล้านบาท โดยปัจจุบันกองทุนน้ำมันฯ มีรายได้เพิ่มขึ้น 471 ล้านบาทต่อวัน หรือประมาณ 1.31 หมื่นล้านบาทต่อเดือน จากการจัดเก็บเงินดีเซล ล่าสุด ณ วันที่ 8 กุมภาพันธ์ เก็บที่ 6.41 บาทต่อลิตร เนื่องจากหลังราคาดีเซลตลาดโลกอ่อนตัวลงจากความต้องการของจีนลดลง และระดับสินค้าคงคลังในสิงคโปร์อยู่ในปริมาณสูง
อย่างไรก็ตาม ราคาดีเซลตลาดโลกที่อ่อนตัวลงน่าติดตามว่าจะสามารถลดลงได้มากกว่า 50 สตางค์ต่อลิตร จากมติคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ที่จะมีผลวันที่ 15 กุมภาพันธ์นี้ หรือลดลงต่ำกว่า 34.44 บาทต่อลิตร ทั้งนี้ หากกองทุนน้ำมันฯจัดเก็บดีเซลอยู่ระดับ 6-7 บาทต่อลิตรต่อไป ก็มีโอกาสที่ดีเซลจะลดลงได้ต่อต้องติดตามดีเซลตลาดโลกหลังจีนมีแนวโน้มจะใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น และความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีน จากกรณีการยิงบอลลูนว่าจะมีผลอย่างไร นอกจากนี้ หากรัฐตัดสินใจต่ออายุลดภาษีดีเซล 5 บาทต่อลิตร ที่จะสิ้นสุดวันที่ 20 พฤษภาคมนี้ ก็มีโอกาสที่ขายปลีกดีเซลจะลดมากกว่า 50 สตางค์ต่อลิตร แต่หากไม่ต่ออายุก็ต้องบริหารความเสี่ยงเพื่อนำรายได้ชำระหนี้ที่มีอยู่