สาวกาญจน์หลั่งน้ำตา หอบหลักฐานแจงสื่อ หลังถูกโกง โพสต์ "อยากตาย ใครช่วยหน่อย"
12 มี.ค. 2566, 10:54
วันนี้ 11 มี.ค.66 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า นางสาวธัญพร ตาดเดิม อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 102 หมู่ 5 ตำบลหนองกุ่ม อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี ได้ร้องเรียนต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับการจำรถยนต์กระบะ อีซูซุ ดีแมคซ์ สีดำ หมายเลขทะเบียน 3 ฒภ 3671 กทม. ซึ่งซื้อมาประมาณ 1 ปี รถเป็นชื่อพ่อ แต่ลูกสาวเอารถไปจำนำในนามลูกสาว ต่อมาต้องการไถ่ถอนคืน ติดต่อคนจำนำเขาบอกให้โอนเงินต้นคืนไป แต่เวลา ผ่านไป 2 วันไม่ได้รถ จึงไปแจ้งความต่อพรักงานสอบสวน สภ.ท่ามะกา แล้ว ต่อมาเครียดมากจึงโพสต์เหสบุ๊กลงในเพจคนเมืองกาญจน์ 2 รีเทริน จมีสื่อมวลชนสนใจติดต่อมาทำข่าว
โดย นางสาวธัญพร เปิดเผยว่า ว่า ตนมีความทุกข์มาก ถูกหลอกเกี่ยวกับการโอนเงินค่าไถ่ถอนจำนำรถ โอนเงินต้นที่ค้างไปหนึ่งแสนสามหมื่นเพื่อขอไถ่ถอนรถ แต่ทางผู้รับจำนำไม่ยอมส่งคืนรถ เงินก็เสีย รถก็ไม่ได้คืน แถมไปแจ้งความก็ยังไม่มีกาอายัดบัญชี
มาซื้อที่ที่เมืองกาญจน์เพื่อมาปลูกบ้าน แล้วบังเอิญว่าเงินมันขาดมือ เหมือนกับว่าธุรกิจหมุนเงินฝืดเคืองที่ต้องการสร้างบ้านให้เสร็จ แล้วก็มีลูกน้องที่บ้าน คือไม่รู้จักคนเมืองกาญจน์เลย พี่ก็เลยถามเขาว่าทำยังไงดีช่วยหน่อยได้มั้ยอยากทำบ้านให้เสร็จ อยากเอารถไปไว้ได้มั้ย ได้น้องก็บอกเดี๋ยวหาให้แล้วกัน แล้วก็เหมือนแชทหาเพื่อนๆ ซึ่งบุคคลที่สองก็คือเป็นเพื่อนกับบุคคลที่หนึ่ง ที่แนะนำมา แล้วก็แชทคุยกันมีเอกสารทุกอย่าง
พอต่อจากนั้น พี่กับน้องแล้วก็ลูกน้องก็เช่ารถอีกคันไปด้วยกัน ที่ปั้มน้ำมันในอำเภอท่ามะกา เพื่อที่จะเอารถไปส่ง คือตอนนั้นถามเขาว่าจะให้เท่าไหร่ เขาบอกว่าให้ 1.3 แสนบาท แต่ขอหักดอกเบี้ยหนึ่งเดือนล่วงหน้า พี่ก็ตกลงหนึ่งเดือนไม่เป็นไรให้หัก พอไปถึงก็จะมีบุคคลที่ 3 ซึ่งตอนนั้นไม่รู้จักคนพวกนี้เลย แล้วก็มีบุคคลที่ 4 มาอีกคน บุลคนที่ 4 เป็นนายหน้าขับรถไป บุคคลที่ 3 จ่ายเงินโอนเงินให้ พอหลังจากนั้นเขาก็โอนเงินมาให้เราส่วนหนึ่งในจำนวน 8.5 หมื่นบาท และส่วนหนึ่งก็เป็นเงินสดที่เหลือหักจากดอกเบี้ยไปแล้ว พี่ก็ถามเขาว่าน้องแล้วรถพี่จะไปจอดอยู่ที่ไหนปลอดภัยดีมั้ย น้องก็บอกพี่ไม่ต้องกลัวปลอดภัยดีทุกอย่าง ถึงเวลามาถ่ายได้เลย
พอไปถึงตรงนั้นพี่ก็คิดว่าไม่มีปัญหาอะไร หลังจากรับเงินมาก็ให้กุญแจรถเขาไปจบ บุคคลที่ 4 ที่ขับรถไปเขาเป็นทอมแล้วเขาขับรถไปเรื่องตรงนั้นมันก็จบ พี่ก็เช่ารถกลับกับลูกน้อง พอเสร็จทุกๆเดือนเราก็ส่งดอกตรง โอนไปให้บุคคลที่ 2 ซึ่งบุคคลที่ 2 โอนให้บุคคลที่ 3 อีกที ตรงนั้นก็ไม่อะไรพอถึงกำหนด มีครั้งหนึ่งที่หมุนเงินออกมาได้แล้ว เดือนที่ 2 หมุนเงินออกมาได้แล้ว พี่บอกว่าพี่ขอถ่ายรถคืน แต่บังเอิญว่าพี่มีจะทำอะไรต่อ
มันไม่มีอะไรเหลือแล้ว มันลำบากแล้วมันก็หมด เงินตรงนั้นแทนที่ว่าจะได้รถกลับมาเพื่อที่จะเอาไว้ใช้ และทุกวันนี้การดำเนินชีวิตของเรา เราก็ได้รายได้ซึ่งมันไม่ได้เยอะมากมาย แต่เรามีโครงการที่เราจะสร้างตรงนู้นตรงนี้ต่อทำต่อ แล้วมีคนมีหลายชีวิตรอบข้างเราที่จะต้องอยู่ด้วยกันดูแลกันไป
เราเหมือนเราเป็นเสาหลักของทุกคน ถ้าเราหมดแล้วพวกเขาจะอยู่กันยังไง หมาแมวจะกินอะไร ที่ตรงนั้นเราลงทุนไปขนาดนั้นแล้วมันจะไปต่อได้ยังไง ทุกอย่างมันไปจมอยู่ตรงนั้นหมดแล้ว แล้วคุณมาทำกับเราอย่างนี้อีก คุณไม่สงสารเราบ้างหรือไงทำไมต้องทำอย่างนี้ไม่เข้าใจ
เมื่อวานมันไม่ไหวแล้วจะทำยังไง ก็ไม่เข้าใจว่าทำไม ถ้าว่าทำไมไม่ตัดสินใจโอนเงิน อย่างน้อยๆรถก็ยังตามได้ แต่ทำไมเราแบบโง่ ทำไมถึงต้องมองคนในแง่ดีเกินไปก็
“อยากตายจริงๆ มันไม่ไหวไม่รู้จะอยู่ไปทำไม มันหมดแล้วมันหมดจริงๆ หนี้สินดอกเบี้ยต่างๆ” ..................นางสาวธัญพร เปิดเผยทิ้งท้าย.....................
ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยัง สภ.ท่ามะกา ได้รับการยืนยันว่าเรื่องนี้ทาง สภ.ได้รับเรื่องการแจ้งความไว้เรียบร้อย และอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานกับกลุ่มบุคคลที่อยู่ในขบวนการนี้ เนื่องจากผู้เสียหายได้มีการเจรจาติดต่อกันอยู่ในหลายพื้นที่ หากหลักฐานเรียบร้อยคาดว่าน่าจะดำเนินการได้ในไม่ช้านี้ เนื่องจากทางเจ้าทุกข์ ได้เข้ามาแจ้งความไว้เมื่อกลางดึกวันที่ 8 มี.ค. 2566 ที่ผ่านมานี้ ฝากให้เจ้าทุกข์ทราบว่าตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจได้ดำเนินการอยู่