แม่เดือดโชว์คลิป 2 หนุ่มกร่างตบหัว-ถือปืนขู่ลูกชายวัย 14 ปี ขณะยืนซื้อของในร้านค้า อ้างเป็น จนท.ขอตรวจเยี่ยว
20 มี.ค. 2566, 13:07
วันที่ 18 มี.ค.66 น.ส. วาสนา เสรีพิพัฒน์ อายุ 39 ปี นำหลักฐานเป็นคลิปกล้องวงจรปิดภายในร้านค้าแห่งหนึ่ง อยู่พื้นที่หมู่ 4 ตำบลเขาค่าย ร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าวว่า เมื่อช่วงเวลาประมาณ 20.30 น.ของวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมาขณะที่ ด.ช.โพธิรส สาธวงค์ หรือโอ๊ต อายุ 14 ปี ซึ่งเป็นบุตรชายของตนได้ขับรถจักรยานยนต์ไปซื้อสินค้าภายในร้านใกล้บ้าน ขณะรอเตรียมจ่ายเงินค่าสินค้า มีนายพัชรพล สุวรรณ หรือสุด อายุ 39 ปี สวมชุดดำ ผ้าขาวม้าคาดสะเอว สวมหมวกแก๊ปสีดำคาดไฟฉาย ได้เข้ามาพูดทักก่อนจะใช้มือตบไปที่ศีรษะอย่างแรงจนศีรษะขมัม พร้อมกับพูดลักษณะว่า "หยอกล้อเล่นไม่ได้เลยหรอ มึงพันพรือถึงหยอกไม่ได้แล้ว พ่อมึงกูยังตบ" โดยที่ลูกชายตนไม่ได้ตอบโต้ใดๆ ตามในคลิป แต่ไม่พอใจและไม่พูดคุยด้วย
ต่อมามีชายคนหนึ่ง ทราบชื่อต่อมาคือ นายณรงค์ คงอะกึ่ง อายุประมาณกว่า 40 ปี สวมเสื้อยืดแขนสั้นคอกลมสีเขียวขี้ม้า ใส่กางเกงขายาวลายพรางสีเขียว เดินถือปืนลูกซองเข้ามาสมทบ ซึ่งทราบว่าชายทั้งสองคนเป็นเพื่อนและขับขี่รถจักยานยนต์มาด้วยกัน โดยลูกชายวัย 14 ของนางสาววาสนา ผู้ร้องเรียน พยายามเดินหนีแต่ถูกชายทั้งสองคนดึงฉุดไว้ ส่วนชายที่ถือปืนได้โชว์บัตรที่ห้อยคอให้ดูอ้างว่านี่เจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งพูดว่าเอาไปตรวจเยี่ยวที่โรงพัก ระหว่างนั้นชายที่ถือปืนได้ใช้วิทยุสื่อสาร พูดว่า ว.2 เรียก 01ซึ่งเสียงในกล้องวงจรปิดบันทึกภาพและเสียงไว้ได้อย่างชัดเจน จากนั้นด.ช.โอ๊ต ได้พยายามเดินออกนอกร้านโดยมีชายทั้งสองคนเดินประกบ
ต่อมา น.ส.คริสมาส เรืองเดช อายุ 19 ปี ซึ่งเป็นญาติของด.ช.โอ๊ต ที่ยืนอยู่หน้าร้านค้าเห็นเหตุการณ์ บอกว่าพาโอ๊ตไปโรงพักไม่ได้ ไม่ได้ทำอะไรผิดยังไงก็ไม่ยอม พร้อมทั้งตะโกนให้ญาติๆที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุเข้ามาช่วยเพราะรู้ว่าชายที่ถือปืนไม่ใช่ตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีอำนาจจะบังคับได้จายทั้งสองคนเดินหายถอยไปพร้อมทั้งท้าให้ไปแจ้งความ
น.ส.วาสนา แม่ของเด็ก เปิดเผยว่า การกระทำเกินกว่าเหตุเพราะลูกชายตนยังเป็นเด็ก ไม่สมควรถือปืนมาขู่เด็ก ลูกชายตนไม่มีความผิดอะไร หลังเกิดเหตุวันแรกได้เดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์ที่สภ.นาสัก แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้ลงบันทึกประจำวัน เพียงแต่เขียนด้วยลายมือลงในกระดาษ A4 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ บอกว่าสองคนนี้สร้างเรื่องมาหลายเรื่อง หลายคดีแล้วชี้ให้ดำเนินคดีจนถึงที่สุด
แต่ปรากฏว่า ผ่านไปอีกวันเพื่อนัดเจรจาทางตำรวจเจรจาให้ผู้เสียหายยอมความ ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้ลงบันทึกใดๆทั้งสิ้น น.ส.วาสนา เผยอีกว่า ผู้ก่อเหตุเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน และอยู่ใกล้กัน ทั้งสองคนนี้สร้างเรื่องไว้เยอะมาก ไม่ใช่เฉพาะของตน มีการร้องเรียนหลายคนแต่ทำอะไรผู้ก่อเหตุทั้งสองคนไม่ได้ เคยไปยิงขู่คนแก่ด้วย มีงานประเพณีในชุมชนหมู่บ้านก็เกิดเรื่องจนทำให้งานล่ม จนชาวบ้านเกิดความกลัวไม่กล้าออกจากบ้านไปทำสวนรดน้ำทุเรียนในช่วงค่ำคืน
ทั้งที่จริงแล้วนายณรงค์ ชายที่ถือปืน ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด แต่มาชอบอ้างโอ้อวดว่าตนเองเป็นสายสืบ ตำรวจจากกรุงเทพส่งมา และเป็นสายสืบของตำรวจในพื้นที่ แต่ที่น่าสังเกตุว่าทุกครั้งที่ก่อเหตุรอดมาได้ทุกครั้งไม่มีใครเอาเรื่องได้ ซึ่งตนขอเดินหน้าเอาเรื่องทางกฎหมายให้ถึงที่สุด
ด้าน น.ส.กิ๊ก อายุ 31 ปี เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการ อบต.เขาค่าย ชาวบ้านหมู่ 3 ต.เขาค่าย เคยถูกชายถือปืนข่มขู่ เกิดเหตุเมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมาขณะอำนวยการจราจรในงานทำบุญกระดูกของคนในหมู่บ้าน ได้พบกับชายคนดังกล่าวเข้ามาหาเรื่องเช่นเดียวกัน แต่ได้ออกห่างเพราะทุกครั้งจะสะพายปืนลูกซองตลอด
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยัง สภ.นาสัก เพื่อสอบถามคววามคืบหน้าเกี่ยวกับคดีดังกล่าวแต่ไม่พบ จึงได้โทรศัพท์สอบถาม โดยพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีชี้แจงว่า หลังจากที่ได้เรียกผู้เสียหายและผู้ก่อเหตุมาเจรจากันคิดว่ายอมความกันแล้ว และนายณรงค์ชายที่ถือปืนลุกซองไม่ได้เป็นตร.หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับสภ.นาสัก แต่ถ้าผู้เสียหายไม่ยอมความก็จะดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป