กลายเป็นเรื่องราวเรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักอยู่ในขณะนี้ ต่อโพสต์ที่ถูกเผยแพร่โดยผู้ใช้งานเฟซบุ๊กชื่อ Atchareeya Sotrapram ได้ออกมาเล่าเหตุการณ์ที่ทำให้เจ้าตัวรู้สึกโมโหอย่างมาก หลังเสียเงินเข้าพักในโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง ย่านพัทยา พอจะเช็คเอาท์ออกจากโรงแรม เธอกลับถูกพนักงานต้อนรับของโรงแรมดังกล่าวแจ้งจะยึดเงินมัดจำ ด้วยเพราะทำผ้าขนหนูของโรงแรมเปื้อนคราบเครื่องสำอางค์ โดยบอกถ้าอยากได้เงินมัดจำคืน ต้องกลับขึ้นห้องไปซักให้ออกก่อน  

 

เจ้าตัวจึงอยากนำมาโพสต์เผยแพร่ ให้เป็นกรณีตัวอย่าง เตือนไปถึงผู้ใช้บริการคนอื่น ๆ โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีอยู่ว่า  ไปพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งที่พัทยากลาง สาย 2 ตอนเช็คเอาท์ รีเซฟชั่นโทรเช็คบอกแม่บ้านให้เช็คห้อง ระหว่างรอแม่บ้านโทรกลับ ทางโรงแรมได้ปริ้นท์ใบเสร็จรับเงินมัดจำคืน และให้เซ็นว่าได้รับเงินแล้วนำใบเสร็จกลับไปคืน พอแม่บ้านโทรมา รีเซฟชั่นตอบว่าต้องยึดเงินมัดจำ เพราะผ้าเช็ดตัวเลอะมีคราบสกปรก (เป็นคราบแป้งพัพแต่เพราะเป็นคนผิวคล้ำ แป้งเลยสีคล้ำออกน้ำตาล) เราก็เลยโต้แย้งกลับไป ว่าไปพักมาหมดตั้งแต่ไม่มีดาวยันหกดาว ยังไม่เคยเจอกรณียึดเงินมัดจำ เพราะใช้อาบน้ำใช้ผ้าเช็ดตัวแล้วเปื้อนคราบแป้งเครื่องสำอางค์ 

เราก็บอกรีเซฟชั่นมันซักก็ออก และไม่มีป้าย หรือ กฎข้อไหนบอกว่าถ้าใช้ผ้าเช็ดตัวเปื้อน หรือ ผ้าปูเปื้อนจะยึดเงินมัดจำ แล้วยิ่งเราผิวคล้ำมันก็จะมีสีแป้งติดชัดเจนบนผ้าเช็ดสีขาวอยู่แล้ว ซึ่งก็ซักออก ส่วนตัวเคยทำงานเป็น house keeping ที่ รร. โซฟิเทล มาก่อน ก็รู้กฎ ระบบ และระเบียบเกี่ยวกับการโรงแรมอยู่แล้ว รีเซฟชั่นเลยบอกเราว่างั้นก็กลับขึ้นไปห้องแล้วไปซักแล้วค่อยมาเอามัดจำคืน 
 

เราอึ้งไปพักนึง แต่ก็กลับขึ้นไปห้องพัก เพราะก็อยากจะเห็นกับตาด้วยว่ามันเปื้อนอะไรขนาดไหน ไปถึงเจอแม่บ้านได้เอาผงซักฟอกมาให้เพราะทางรีเซฟชั่นได้โทรสั่งพนักงานให้เอาผงซักฟอกมาให้ เราก็ซักค่ะ ซักด้วยความโมโหซักไปบ่นไปอัดคลิปไว้ แต่ไม่ได้ส่งให้ผู้จัดการดู เพราะไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะผู้จัดการสั่งหรือเปล่า ส่วนตัวคิดว่าเจ้าของโรงแรมตัวจริงคงไม่รู้ และส่วนตัวคิดว่าพวกพนักงานจะเอาเข้ากระเป๋าเองหรือเปล่า เพราะเอาใบเสร็จมาให้เราเซ็นก่อนว่าได้รับเงินคืนแล้ว แต่ถึงเวลาจริงจะไม่ให้เงินมัดจำคืน และใบเสร็จที่เซ็นก็ไม่ได้ให้เรา 

สรุปเราได้เงินมัดจำคืน เพราะเราไปซักผ้าให้ทางโรงแรม จริง ๆ ถ่ายคลิปไว้เพื่อจะทำเรื่องขอค่าห้องพักคืน แต่เมืองไทยไม่เหมือนต่างประเทศไม่รู้จะไปร้องเรียนที่ไหนได้บ้าง เพราะรับกับเหตุการณ์นี้ไม่ได้จริง ๆ วันนึงคงจะมีรายได้จากกลโกงยึดเงินมัดจำของทางโรงแรม ขอความคิดเห็นจากคลิปวีดีโอนี้ด้วยนะคะ 

ปล.ตอนนี้เราบินกลับมาที่เมลเบิร์น ออสเตรเลียแล้ว และเพิ่งจะมีเวลาคิดหาวิธีจะสื่อสาร และเผยแพร่คลิปนี้ออกไปยังไงดี เผื่อจะเป็นประโยชน์กับผู้จองห้องพักโรงแรมอื่น ๆ บ้าง เป็นกรณีตัวอย่าง ตอนนี้ยังช็อคกับการโดนไล่กลับขึ้นห้องไปซักผ้าอยู่เลย  ฝากเรื่องคลิปนี้ด้วยนะคะ