นายกฯ ปลื้ม! 5 สินค้าไทยโดดเด่น ครองส่วนแบ่งการค้าส่งออกสูงเป็นอันดับ 1 ในตลาดโลกในปี 2565
3 พ.ค. 2566, 08:44
วันนี้ ( 3 พฤษภาคม 2566) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบรายงานผลการวิเคราะห์ 5 สินค้าไทย ที่ติดอันดับ 1 ในการครองส่วนแบ่งการค้าส่งออกในตลาดโลก ประจำปี 2565 ซึ่งพบว่า ทุเรียน มันสำปะหลัง ถุงยางอนามัย สับปะรดกระป๋อง และปลาทูน่ากระป๋อง มีมูลค่าการส่งออกและส่วนแบ่งในตลาดโลกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะทุเรียน ซึ่งมีมูลค่าการส่งออกทุเรียนสดมูลค่า 3,219.42 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีส่วนแบ่งในตลาดโลกถึง 93.3% สะท้อนศักยภาพสินค้าไทย พร้อมส่งเสริมและขยายตลาดใหม่ที่น่าสนใจเพิ่มเติม
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เผยรายงานการวิเคราะห์ 5 สินค้าไทยที่พิจารณาจากสินค้าที่มีส่วนแบ่งการนำเข้าในตลาดโลกเป็นอันดับที่ 1 ในปี 2565 จาก Global Demand Dashboard ผ่านเว็บไซต์คิดค้า.com (http://คิดค้า.com) ซึ่งได้แก่
- ทุเรียนสด มีมูลค่าการส่งออก 3,219.42 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีส่วนแบ่งในตลาดโลก 93.3% โดยตลาดส่งออกหลักของไทย ได้แก่ จีน ฮ่องกง และไต้หวัน ตามลำดับ
- มันสำปะหลัง มีมูลค่าการส่งออก 1,523.80 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีส่วนแบ่งในตลาดโลก 46.5% โดยตลาดส่งออกหลักของไทยคือ จีน ซึ่งคิดเป็น 98.6% ของมูลค่าส่งออกไทยทั้งหมด
- ถุงยางอนามัย มีมูลค่าการส่งออก 272.26 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีส่วนแบ่งในตลาดโลก 44.0% โดยตลาดส่งออกหลักของไทย ได้แก่ จีน สหรัฐฯ และเวียดนาม ตามลำดับ
- สับปะรดกระป๋อง มีมูลค่าการส่งออก 469.69 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีส่วนแบ่งในตลาดโลก 36.4% โดยตลาดส่งออกหลักของไทย ได้แก่ สหรัฐฯ รัสเซีย และเยอรมนี ตามลำดับ
- ปลาทูน่ากระป๋อง มีมูลค่าการส่งออก 2,284.21 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีส่วนแบ่งในตลาดโลก 24.8% โดยตลาดส่งออกหลักของไทย ได้แก่ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย ตามลำดับ
ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งพบว่าในปี 2565 ไทยได้ส่งออกทุเรียน แบ่งเป็นสองประเภทหลักได้แก่ 1. ทุเรียนสด มีมูลค่าการส่งออกถึง 110,144 ล้านบาท 2. ทุเรียนแช่แข็ง มีมูลค่าการส่งออกถึง 14,943 ล้านบาท โดยสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยม เช่น สายพันธุ์หมอนทอง สายพันธุ์ก้านยาว สายพันธุ์หลงลับแล
“นายกรัฐมนตรีขอบคุณทุกปัจจัยที่ส่งผลให้เห็นความสำเร็จของทุกภาคส่วนในการส่งเสริมและผลักดันสินค้าไทยที่ให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมเชื่อมั่นว่าสินค้าไทยในประเภทอื่น ๆ ยังมีศักยภาพที่จะขยายตลาดใหม่ได้อีกมาก ผ่านนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการกระจายสินค้าและการขายสินค้าทั้งตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ ส่งเสริมผู้ประกอบการไทย ตลอดจนการจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) ให้สอดรับกับความต้องการของผู้บริโภค เพื่อนำเสนอสินค้าไทยให้เป็นที่รู้จักเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด เพิ่มมูลค่าทางการค้าให้กับประเทศ” นายอนุชาฯ กล่าว