กรมควบคุมโรค เตือน "โควิด" ยังพุ่งขึ้น เฉลี่ยป่วยรักษาวันละ 336 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 2 เท่า
15 พ.ค. 2566, 16:21
วันที่ 15 พ.ค.2566 นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงสถานการณ์โควิด 19 ในไทย ว่า ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สัปดาห์ที่ผ่านมาพบผู้ป่วยรักษาในโรงพยาบาล 2,356 ราย เฉลี่ยวันละ 336 คนต่อวัน เพิ่มขึ้น 39% เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ขณะที่ผู้ป่วยอาการหนักปอดอักเสบ และใส่ท่อช่วยหายใจ เพิ่มขึ้น 45% ผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า โดยมากกว่าครึ่ง 55% เป็นกลุ่ม 608 ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน ที่เหลือเป็นผู้ที่มีระดับภูมิคุ้มกันต่อโรคโควิด 19 ลดลงมาก ได้แก่ ผู้ที่ฉีดวัคซีนเข็มล่าสุด หรือติดเชื้อแล้วนานเกิน 6 เดือน ขอแนะนำประชาชนเข้ารับวัคซีนโควิด 19 พร้อมกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่โดยเร็ว เพื่อลดความเสี่ยงต่อการป่วยหนักจากทั้ง 2 โรค
“หากป่วยด้วยอาการทางเดินหายใจ ให้ตรวจ ATK หลีกเลี่ยงใกล้ชิดกลุ่ม 608 เมื่อผลบวก 2 ขีด ให้สวมหน้ากาก สังเกตอาการ หากมีอาการมากให้พบแพทย์ ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง ให้ไปรับภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป (LAAB) ได้ที่โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป และ โรงพยาบาลรัฐสังกัดอื่น ทั้งนี้ ไทยยังมียา เวชภัณฑ์สำรอง และเตียงเพียงพอต่อการดูแลรักษาโควิดที่มีอาการรุนแรง” นพ.ธเรศ กล่าว
ด้าน นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า เมื่อวันที่ 5 พ.ค.2566 องค์การอนามัยโลก ประกาศสิ้นสุดภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศกรณีโควิด แต่ยังเตือนให้ทุกประเทศเฝ้าระวังป้องกันควบคุมการระบาดอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเร่งรัดการฉีดวัคซีนเพื่อให้มีระดับภูมิคุ้มกันต่อโรคโควิด เพียงพอในระดับบุคคลและประชากร เพื่อลดโอกาสป่วยหนักและเสียชีวิตจากโควิด 19
นพ.โสภณ กล่าวต่อว่า โดยสามารถใช้วัคซีนชนิดใดหรือรุ่นใดก็ได้ ฉีดปีละ 1 ครั้ง เว้นระยะห่างจากเข็มสุดท้ายหรือหลังติดเชื้ออย่างน้อย 3 เดือน ฉีดพร้อมกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ ที่ต้นแขนคนละข้าง ในสัปดาห์นี้โรงเรียนมีการเปิดภาคเรียน ขอให้ผู้ปกครองและครูสังเกตอาการ คัดกรองเด็กป่วยด้วยอาการทางเดินหายใจ เช่น ไข้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ ให้หยุดอยู่บ้านรักษาให้หายก่อน จะลดโอกาสแพร่เชื้อในโรงเรียน