ชัยวัฒน์ ผอ.สอช.โชว์ฟอร์มนำ จนท.อุทยานชายแดนอีสานใต้ ล้อมจับผู้ต้องหาและของกลางไม้พะยูงนับร้อยท่อน
7 มิ.ย. 2566, 19:17
วันนี้ 7 มิถุนายน 2566 เวลาประมาณ 08.00 น.เจ้าหน้าที่สำนักงานอุทยานแห่งชาติ นำโดย นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ,นายครรชิต ศรีนพวรรณ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9,นายรัฐพล บุญมี หน.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ,เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่า ที่ สร.4 นำโดย นายอเนก เกียงวัว หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่า ที่ สร.4 พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กาบเชิง นำโดย พ.ต.อ.ต่อศักดิ์ ศรีเสริม ผกก.สภ.กาบเชิง พ.ต.ท.ประวิทย์ ประชาปกป้อง รอง ผกก.สส.สภ.กาบเชิง พ.ต.ท.สถิตย์ อินเฉิดฉาย สว.สส.สภ.กาบเชิง พ.ต.ท.เพิ่ม บูรณะ สวป.สภ.กาบเชิง พร้อมเจ้าหน้าที่ ได้ร่วมกันตรวจสอบและจับกุม 1.นายสม สร้อยจิตร อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 172 ม.9 ต.ตะเคียน อ.กาบเชิง จว.สุรินทร์ (เจ้าของกระท่อม) 2.นายพัธพล ทองทา อายุ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 85 ม.18 ต.ด่าน อ.กาบเชิง จว.สุรินทร์ (คนขับรถบรรทุก) พร้อมของกลาง
ประกอบด้วย ไม้พะยูงท่อนที่ ได้จากรถบรรทุก จำนวน 69 ท่อน ,ไม้พะยูงท่อน ที่ได้จากการงมขึ้นมาจากสระน้ำริมกระท่อมของนายสม สร้อยจิตร จำนวน 54 ท่อน และรถบรรทุกหกล้อ ยี่ห้อ ISUZU หมายเลขทะเบียน 82 - 8657 สุรินทร์ จำนวน 1 คัน และ คนงานอีก 7-8 คน ที่เกิดเหตุ บริเวณกระท่อมไม่มีเลขที่ ตั้งอยู่บริเวณทิศตะวันออก ม.9 ต.ตะเคียน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะได้นำของกลางทั้งหมดขึ้นไปรวบรวมไว้ที่ ที่ทำการหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ สร.4 อ.กาบเชิง ไว้เป็นหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
สำหรับการจับกุมดังกล่าว นายชัยวัฒน์ ได้ รับการประสาน จากสายข่าว(การทหาร) ว่ามีขบวนการไม้พะยูง (มู่หลาน) ยังทำไม้ และนำไม้มาซ่อนไว้ ในพิกัด บ้านตะเคียน อ. กาบเชิง จ สุรินทร์ ช่วงเวลา ตั้งแต่วันที่ 5 - 6 มิถุนายน 2566 จนถึง ช่วงเย็น ได้มีรถมอเตอร์ไซค์ ขับเข้าออก จนเป็นที่สงสัย นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สอช.จึงได้โทรศัพท์ประสาน นายพนัชกร โพธิบัณฑิต ผอ.ส่วนยุทธฯ, นายมงคล หน.หน่วยพญาเสือ และ ขอกำลังหน่วยงานสนาม ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยศาลา และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ และ หน.อช.เขาพระวิหาร เฝ้าระวัง ให้จัดคนมาซุ่มเฝ้าการขนย้ายไม้พะยูงออกในเวลากลางคืน จนถึงเวลา 20.00 น.ของคืนที่ผ่านมา (6 มิ.ย.66) มีการเคลื่อนไหว มีคนเข้ามาประมาณ 10 คน ลงไปในสระน้ำ และ มีรถเครนยกไม้ อีก 1 คัน เข้าไป ในพิกัดดังกล่าว อีกทั้งยังทราบว่ามี จนท.ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่อยู่เบื้องหลังอีกด้วย ระหว่างที่ จนท.เฝ้าซุ่มอยู่ ได้เห็นพฤติกรรม ของกลุ่มคนดังกล่าว จนถึงเวลา 22.20 น เมื่อกลุ่มคนดังกล่าว ขนไม้ ขึ้นเต็มรถ และเคลื่อนรถ หมายจะเอารถออกไปเพื่อเอาไม้ออกไปจากจุดเกิดเหตุ จนท. โดยมี นายสาธิต พันธุมาศ หน.ขสป.ห้วยศาลา กับ หน.ขสป.ห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ ได้แสดงตัวเข้าหยุดและปิดล้อมรถ เพื่อขอตรวจสอบ จนสามารถตรวจพบของกลางไท้พะยูงท่อน ทั้งในรถยนต์ มากกว่า 60 ท่อน/เหลี่ยม ข้างล่างอีกจำนวนหนึ่ง และอยู่ในบ่อน้ำอีกจำนวนหนึ่งดังกล่าว ประเมินมูลค่าเบื้องต้นมากกว่า 3 ล้านบาท หากถูกส่งขายถึงมือนายทุนใหญ่จะมีมูลค่าราคาสูงขึ้นหลายเท่าตัว หรือนับสิบล้านบาท
นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สอช.เปิดเผยว่า ปกติไม้ที่ตัดจากไร่จากนา จากที่มีเอกสารสิทธิ์ ก็จะเป็นไม้เป็นต้น รวมทั้งกะพี้และเปลือกมันด้วย แต่ของกลางที่เห็นเวลาเขาตัดมา พฤติกรรมจะปอกเปลือกเอาเฉพาะแก่นขาย ซึ่งไม้ที่ทำเสร็จแล้ว จะเห็นเป็นตัวเลขที่เขียนระบุว่ามีการชั่งกิโลกรัมกับไม้ให้เห็น มีระบุไว้ทั้งน้ำหนักจำนวนกิโล ขนาดหน้าตัดและความยาวของท่อน แสดงให้เห็นว่ามันถูกปอกมาเพื่อที่จะขายเป็นน้ำหนักและขายเป็นไซต์ ถ้าท่อนสวยแก่นดีตรงขนาดใหญ่หน่อยก็จะอีกราคาหนึ่ง นอกจากนี้เจ้าของแปลงนาที่เกิดเหตุ ได้นำเอกสารรับรองไม้มาตรตรา 7 มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ ซึ่งการออดกเอกสารผู้นำชุมชนต้องเป็นคนรับรองไม้เคลื่อนที่ พร้อมกับภาพไม้ แต่ว่า มีการเว้นที่ไว้ยังไม่เขียนว่าที่ดินที่ไหน ไม้กี่ต้น เหมือนเซ็นต์กระดาษเปล่าทิ้งไว้ให้มาเติมข้อมูลทีหลังเพื่อยืนยันกับ จนท.หากมีการขอตรวจสอบต่างๆ สังเกตจากลายมือในเอกสารจะไมเหมือนกันหากมีการเติมข้อมูลภายหลัง และมีการถ่ายเอกสารสีไว้แล้วค่อยมาเติมข้อมูลภายหลัง สามารถตรวจสอบได้ และเอกสารแบบนี้จะมีเป็นร้อยๆชุด ก็ร่อนไปทุกที่ คนที่ครอบครองไม้ก็จะเอาหลักฐานนี้มายืนยัน เราพิสูจน์ได้อยู่แล้วว่ามันคือการถ่ายเอกสารสี และที่เหลือมาเติมข้อความใหม่ ไม่ว่าจะเป็นลายเซ็นของผู้ใหญ่บ้าน ตำแหน่งของที่ดิน ในเล่มเดียวกันก็จะเห็นได้ว่าภาพถ่าย พิสูจน์ได้ว่าเป็นที่บุรีรัมย์บ้าง ปลายไม้ไปโผล่ที่โคราชแบบนี้ ในเอกสารใบเดียวกันมีถึงสองจังหวัดเลย ต้นเดียวกัน เขามายื่นให้เราเขาบอกเขามีหลักฐาน แต่ผมเชื่อว่าหลักฐานเป็นเท็จทั้งหมด เพราะว่าเจ้าของไม้ นายสม แม้กระทั่งตะกร้าเอกสาร มันเหมือนกับ ทหารเตรียมการให้ อาจจะมี จนท.ของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง นำไปให้ หรือว่าเตรียมพร้อมที่จะนำเสนอข้อมูลพวกนี้ให้ จนท.ตรวจสอบได้เลย เอาไปวางไว้ให้ จนท.ตรวจสอบมีหลักฐานตามหนึ่งสองสาม สี่และอ้างว่ามีหลักฐาน เพราะฉะนั้นถ้า จนท.ของรัฐไม่ได้ตรวจสอบรายละเอียดหรือไม่ดูให้ชัดเจนถึงรายละเอียดจริงๆและที่มาของพฤติกรรมก็อาจจะปล่อย หรือมีส่วนรู้เห็น ตนไม่ทราบ เพราะพฤติกรรมจริงๆเราต้องยืนยันแม้กระทั่ง ออกเอกสารสิทธิ์โฉนตที่ดิน เรายังยึดมั่นเลยว่าเป็นภาพถ่ายและเป็นป่ามาก่อน แล้วเป็นโฉนดที่ดิน ก็ต้องตรวจสอบว่าได้มาด้วยชอบตามกฏหมายหรือไม่ และหลักฐานพวกนี้ยิ่งกว่า เชื่ออะไรไม่ได้เลยสักอย่างเดียว
นายชัยวัฒน์ฯ เปิดเผยอีกว่า เมื่อคืนนี้ เราเฝ้าระวังทีมงานนี้มา 2 เดือนกว่า และเราก็รู้เล่ห์สนกลในทั้งหมดว่า มีใครบ้างประกอบด้วยใครบ้าง มีเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวข้องมั้ย มีส่วนใดเกี่ยวข้องหรือไม่ เรามีการสืบเสาะในกระบวนการเรารู้หมดแล้ว พวกนี้มีใครบ้าง มีการโทรศัพท์ติดต่อกับขบวนการใหญ่ โดยเฉพาะผู้ประกอบการไม้รายใหญ่ที่เราจับจากดอยสะเก็ด และสืบเสาะมาถึงที่นี่ และมีการขยายผล จนทราบว่ามี จนท.ของรัฐเกี่ยวข้อง มีการโทรศัพท์พูดคุยกัน มีการเจรจากัน แม้กระทั่งเมื่อเช้า เมื่อคืน ก็ยังมีการสนทนากันในเรื่องนี้ ก็พูดคุยในเรื่องของ ชื่อเล่นชื่อจอย เจ้าของไม้โรงใหญ่ที่เราจับที่ดอยสะเก็ด ผมเชื่อว่าไม้ของกลางไม่ใช่ของนายสม ซึ่งนายสมให้การพูดอะไรไม่รู้เรื่องสักอย่าง ที่เป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เขาเอาไม้มาให้ยังไงก็ไม่รู้ จ่ายเงินยังไงก็ไม่รู้ แต่ที่ของนายสม เป็นที่ซ่อนไม้ ผมเชื่อว่าไม้พวกนี้ เป็นไม้ที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และผิดกฎหมาย ไม้ดังกล่าวเป็นไม้ที่พึ่งตัดมาบางส่วนและลักลอบเข้ามาอำพรางทิ้งลงไว้ในสระซ่อนไว้ ลักษณะนี้ เราก็คุยกันว่า ซึ่งทั้งตน หน่วยงานในส่วนของกรมอุทยาน มีทั้งส่วนชุด หน่วยพญาเสือ ร่วมกับสำนัก 9 เรามาตรวจสอบร่วมกับผู้กำกับของ สภ.กาบเชิง
มีการสืบเสาะเรียบร้อยแล้ว เรารู้แล้วว่าขบวนการของพวกนี้เป็นอย่างไร วันนี้ก็ได้คุยกับกรมป่าไม้ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ จะต้องรับไม้คดีนี้ไป ตนก็จะส่งไม้ โดยที่จะส่งไม้ในพฤติกรรมกับเอกสารฉบับหนึ่งว่าตนสืบเสาะมาแล้วมีพฤติกรรมอย่างนี้ ส่วนกรมป่าไม้จะรับช่วงต่ออย่างไรเป็นเรื่องของกรมป่าไม้ ถ้าไม้นี้พิสูจน์แล้วมาด้วยชอบด้วยกฎหมาย มีหลักฐานชัดเจนแล้วปล่อยไป ตนไม่ติดใจ แต่ถ้าตรวจสอบแล้ว ตนก็ตรวจสอบของตนอีกทางหนึ่ง ซึ่งตนตรวจสอบแล้วเป็นไม้ ที่ได้มาโดยไม่ชอบ และตนสืบเสาะแม้กระทั่งต้นขั้วเอกสาร ซึ่งตนแสกนไว้หมดแล้ว ต้นขั้วเอกสาร ที่มาของเจ้าของที่ดินบอกไม่รู้ แต่ถ้าทางนี้บอกว่าตรวจสอบแล้วถูกต้อง ไม่ผิดก็ต้องมาว่ากันอีกทีหนึ่ง เพราะฉะนั้นตนไม่ยอมอยู่แล้วว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐมีส่วนเกี่ยวข้องตนไม่ปล่อยไว้อย่างแน่นอน หลักฐานเรามีอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าต้องทำให้รัดกุม ไปพูดอะไรมากเกินไม่ได้ เพราะถ้าไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนก็จะทำให้องค์กรเขาเสื่อมเสีย เพราะฉะนั้นตนก็มีหน้าที่ที่จะปกป้องทรัพยากรตนและ จนท.ของตน เพราะฉะนั้นถ้า จนท.ไม่ผิดตนก็ปกป้อง แต่ถ้า จนท.คนใดคนหนึ่งไปเกี่ยวข้องกับกระบวนการอย่างนี้ตนก็ไม่เอาไว้เหมือนกัน ส่วนไม้ส่วนใหญ่ก็จะเข้ามาอยู่ในกระบวนการไม้ที่จัดโดยดอยสะเก็ด อาจจะเข้าโรงงาน และสวมด้วยตู้คอนเทนเนอร์ปนกับไม้ประดู่ที่ส่งออก จากที่ตนสอบถาม นายสม บอกว่ารับซื้อตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่นบาทต่อท่อนแล้วแต่ขนาด แต่ถ้าขายต่อจะมีราคาสูงถึง 3 เท่า เป็นท่อนละ 1 หมื่นก็เป็น 3 หมื่น เพราะต้องเสี่ยงกับการขนส่งหลบเลี่ยง จนท. คุ้มที่จะเสี่ยงที่จะซื้อและที่จะยอมแลก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นตนก็ไม่เชื่อว่านายสมจะเป็นนายทุน ที่จะมาซื้อ เพราะว่านายสมเอง ดูจากส่วนตัวการพูดการจา การสอบถาม ก็ไม่รู้อะไรสักอย่าง เขาบอกคนวิ่งเข้ามาขาย ที่บ้านเขาเองก็ยังเข้าแทบไม่ถูก เพราะฉะนั้นคนที่มีไม้พะยูงที่ถูกต้องจะวิ่งเข้าไปขายให้นายสมถึงบ้านเป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นไม้ดังกล่าว พฤติกรรมมันถูกนำมา
โดยมี จนท.ของรัฐคนหนึ่ง บอกว่าเอาไปเก็บที่นี่ก่อน แล้วค่อยเอาออก เราแกะมาจนรู้พิกัดว่าไม้ชุดนี้เป็นทิศทางอย่างไร เรามาจากส่วนกลางเราได้ข้อมูลขนาดนี้ เรามาถึงที่นี่ได้ ข้อมูลค่อนข้างจะแน่นหนา พอสมควรที่จะดำเนินคดีได้ ตนก็พยายามทำงานอย่างเต็มที่ ตนไม่อยากให้ จนท.ที่ทำงานปกป้องป่าอนุรักษ์ทั้งกรมป่าไม้ ทั้งกรมอุทยาน ปกป้องป่ากันอยู่ แล้วเรารักษาป่าด้วยชีวิต และก็มีไม้หลุดรอดออกไปในลักษณะอย่างนี้ สุดท้ายก็ไปสวมไม้ในโฉนดที่ดินเป็นอยู่ประจำ เพราะฉะนั้น จนท.ที่เสี่ยงภัยอยู่ก็อันตราย ไม่ว่า จนท.ของกรมป่าไม้และกรมอุทยาน แต่ถ้ามีคนใดคนหนึ่งเป็น จนท.ที่ไปรู้เห็นเป็นใจแล้ว ทำในลักษณะอย่างนี้ ตนว่าไม่ชอบ เพราะฉะนั้นก็ต้องว่ากันไปตามกฏหมาย ซึ่งจริงๆผู้อำนวยการสำนัก 9 ท่านก็สำคัญในเรื่องนี้อยู่แล้ว เพราะตอนนี้เราก็ทำเกี่ยวกับไม้ ในมาตรตรา 7 ไม้ในพื้นที่แปลง CN ตามมาตรา 64 มีการทำไม้พวกไม้ประดู่ออก เราก็ไล่เรียง ก็มีกลุ่มคนลาว ที่ทำไม้ออก เป็นนายทุนลาว และนายทุนใหญ่จากจีน มาทำอยู่แถวศรีสะเกษ สุรินทร์ อุบล เป็นต้น กลุ่มนี้ก็ทำกันอยู่ และก็มี จนท.เกี่ยวข้องเข้ามา เพราะฉะนั้นเรื่องนี้เราไม่ทิ้งแน่นอน เราปกป้องป่าเท่าไหร่ยังมีคนแบบนี้อยู่ เราก็ต้องไล่เรียง เราก็ต้องหาขบวนการให้ได้
ต่อข้อถามถึงไม่กลัวเขาจะเล่นงานคืน นายชัยวัฒน์ฯ ตอบว่า ตนว่า จนท.ของรัฐมีเจตนาที่บริสุทธิ์ใจ ตนไม่กลัว เพราะสิ่งที่เราทำ เราไม่ได้ไปกลั่นแกล้งใคร ตนก็ไม่รู้จักนายสม นายสมก็ไม่รู้จักตน แล้วตนจะไปกลั่นแกล้งเพื่ออะไร แต่ตนไปเจอไม้นายสมอยู่ในสระน้ำ ขนเวลา 2 ทุ่ม พฤติกรรมนายสม ขนไม้พะยูงออกจากสระมา 6 ทุ่ม โดยใช้คนงาน 6-7 คน ในเวลากลางคืน เพื่อจะเอาออก ทั้งที่กลางวันก็ขนได้ ทำไมต้องขนกลางคืน เขาก็รู้ว่ามีคนไปแอบดูมีคนรู้เขาก็รีบเอาไม้ออก พฤติกรรมลักษณะอย่างนี้ ต้องเรียนตรงๆว่า เราไม่มีเจตนากลั่นแกล้งนายสม และเราก็ไม่รู้ว่าจะแกล้งใครทำไม ซึ่งเขาแจ้งว่ามีรถบรรทุกสิบล้อรออยู่ข้างนอก เพื่อที่จะขนไม้ไปถ่าย และเราก็รู้คนที่เอารถคันนั้นมาก็รู้ว่าเป็นใคร พยายามที่จะเอาไม้ออกำ แต่ว่า จนท.กลัวว่าจะพลาด ก็เลยปรึกษาท่านอธิบดีกรมอุทยาน ท่านก็อนุญาตให้ประสานกับหน่วยความมั่นคง และเข้าไปตรวจยึดรถไว้ก่อน ก็ต้องขอบคุณนายสม เจ้าของที่ดิน ที่ให้ความร่วมมือกับ จนท.เป็นอย่างดี เขสก็ไม่ขัดข้องอะไร เขาบอกว่ามาถึงแบบนี้แล้วก็ให้อายัต ยึดรถและของกลาง เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป