ตร.จับขบวนการต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง พบต่างด้าว 4 ราย ซ่อนอยู่ในรถยนต์ส่วนบุคคล
8 มิ.ย. 2566, 17:53
กองบังคับการตำรวจทางหลวง ร่วมกันจับกุม 6 ผู้ต้องหา แยกเป็นสัญชาติไทย2 สัญชาติ เมียนมา 4 ฐานช่วยเหลือซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้บุคคลต่างด้าว ที่หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย และ “เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาหรืออยู่ในราชอาณาจักรไทย โดยไม่ได้รับอนุญาต” โดยจับกุม ทางหลวงหมายเลข 323 กม.110-111 (ขาเข้า กทม.) ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี
พร้อมด้วยของกลาง
1. รถยนต์ส่วนบุคคล (ติดตั้งแครี่บอย) สีขาว มีนายกิตติพนธ์ฯ เป็นผู้ขับขี่ จำนวน 1 คัน
2. รถยนต์ส่วนบุคคล (ติดตั้งตู้ทึบ) สีดำ มีนายอภิชาติฯ เป็นผู้ขับขี่ จำนวน 1 คัน
3. โทรศัพท์มือถือ สีเทา จำนวน 1 เครื่อง
4. โทรศัพท์มือถือ สีเหลือง จำนวน 1 เครื่อง
5. โทรศัพท์มือถือ สีเขียว จำนวน 1 เครื่อง
พฤติการณ์ ตามนโยบายของผู้บังคับบัญชาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงชุดจับกุมออกกวดขันปราบปรามบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทย ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ขับขี่รถวิทยุตรวจการณ์ ออกตรวจมาถึงบริเวณทางหลวงหมายเลข 323 กม.110-111 (ขาเข้า กทม.) ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ได้พบรถยนต์ส่วนบุคคล (ติดตั้งแครี่บอย) สีขาว และ รถยนต์ส่วนบุคคล (ติดตั้งตู้ทึบ) สีดำ ขับขี่มาด้วยความเร็ว ในลักษณะเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ถนนอื่น ด้านท้ายของรถมีลักษณะต้องสงสัยว่ามีการบรรทุกบุคคลต่างด้าวที่หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยอยู่ในรถคันดังกล่าว
จึงได้ติดตามไปและได้ให้สัญญาณเจ้าพนักงานจราจร เพื่อขอตรวจสอบ โดยให้สัญญาณไฟและเสียง แต่รถยนต์ทั้ง 2 คัน ได้เร่งเครื่อง เพื่อทำการหลบหนี จนกระทั่งรถยนต์ส่วนบุคคล(ติดตั้งตู้ทึบ) สีดำ รถคันดังกล่าวจอดรถชิดขอบทางด้านซ้ายในพื้นที่ปลอดภัย โดยรถวิทยุตรวจการณ์ สามารถทำการควบคุมและตรวจสอบพบบุคคลต่างด้าวหลายคนทำการวิ่งหลบหนีเข้าไปในป่าข้างทาง
จากนั้นรถยนต์ส่วนบุคคล (ติดตั้งแครี่บอย) สีขาว ได้ขับขี่หลบหนี โดยมีรถวิทยุตรวจการณ์อีกคัน ทำการติดตามและตรวจสอบ และได้จอดบริเวณริมถนนทางหลวง หมายเลข 323 กม.110-111 (ขาเข้า กทม.) ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี และบุคคลต่างด้าวหลายคน ทำการวิ่งหลบหนีเข้าไปในป่าข้างทาง
ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจสอบ รถยนต์ส่วนบุคคล
(ติดตั้งแครี่บอย) สีขาว พบนายอภิชาตฯ แสดงตัวเป็นผู้ขับขี่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขอตรวจดูใบอนุญาตขับรถ ปรากฏว่า ผู้ถูกจับ มีใบอนุญาตขับรถ วันอนุญาต 11 ตุลาคม 2554 วันสิ้นอายุ 19 กรกฎาคม 2566 และพบผู้ต้องหาที่ 3-4 นั่งอยู่ที่นั่งผู้โดยสารด้านหลังผู้ขับขี่ ให้แสดงเอกสารหลักฐานประจำตัว จากการตรวจสอบปรากฏว่าทั้งหมดไม่มีเอกสารใดๆ มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่
และรถยนต์ส่วนบุคคล(ติดตั้งตู้ทึบ) สีดำ พบนายกิตติพนธ์ฯ ผู้ต้องหาที่ 2 แสดงตัวเป็นผู้ขับขี่ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขอตรวจดูใบอนุญาตขับรถ ปรากฏว่า ผู้ถูกจับมีใบอนุญาตขับรถ วันอนุญาต 22 พฤษภาคม 2550 วันสิ้นอายุ 8 มกราคม 2567 ระหว่างตรวจสอบ และพบ ผู้ต้องหาที่ 5-6 นั่งอยู่ท้ายรถกระบะมีแครี่บอย ให้แสดงเอกสารหลักฐานประจำตัว จากการตรวจสอบปรากฏว่าทั้งหมดไม่มีเอกสารใดๆ มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่
จากการสอบถาม ผู้ต้องหาที่ 2 ให้การยอมรับว่า ได้รับการว่าจ้างมาจาก นายโจ ไม่ทราบชื่อ-นามสกุล ติดต่อมาทางโทรศัพท์ โทรมาที่เบอร์ของ นายกิตติพนธ์ฯ ให้รับแรงงานต่างด้าว บริเวณริมถนนสามแยกเจดีย์สามองค์ ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เพื่อ นำมาส่งที่ กรุงเทพมหานคร อ.นาสาน จ.สุราษฎร์ธานี และ อ.เมือง จ.กระบี่ โดยให้ ผู้ต้องหาที่ 1 ซึ่งเป็นบุตรชาย เป็นผู้ขับขี่รถยนต์ในการขนบุคคลต่างด้าว โดยนายกิตติพนธ์ฯ(บิดา) แจ้งว่าผู้ต้องหาที่ 3-4 มีเอกสารถูกต้อง เมื่อส่งถึงที่นัดหมาย นายกิตติพนธ์ฯ ติดต่อให้นายโจฯ (ผู้ว่าจ้าง) ติดต่อให้นายจ้างของผู้ต้องหาที่ 3-6 มารับและพร้อมทั้งนำเงินค่าจ้างมาให้นายกิตติพนธ์ฯ ในราคาคนละ 8,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 32,000 บาท และผู้ต้องหาที่ 2 ได้ทำมาเป็นครั้งที่ห้า ผู้ต้องหาที่ 1 ทำเป็นครั้งแรก และจากการสอบถามผู้ต้องหาที่ 3-6 ซึ่งพูดภาษาไทยได้เล็กน้อย จึงได้ให้ นายจอฯ ปฏิบัติหน้าที่ผู้ช่วยตำรวจ ทำหน้าที่เป็นล่ามแปล และสาบานตนแล้ว ให้การว่า ตนพร้อมกับพวกได้เดินทางออกจากบ้านที่ประเทศเมียนมา หมู่บ้านพะอ่าง หมู่บ้านเมาะลำไย ตามช่องทางธรรมชาติเข้ามาใน ต.เจดีย์สามองค์ อ.สังขละบุรี โดยมีนายหน้านำมา ซึ่งนั่งรถมาเป็นเวลา 1 วัน แล้วมาขึ้นรถบริเวณริมถนนสามแยกเจดีย์สามองค์ ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ที่ผู้ต้องหาที่ 1-2 นัดหมายมารับ จนกระทั้งถูกจับกุม โดยผู้ต้องหาที่ 3 จะเดินทางไปทำงานที่ อ.นาสาร จ.สุราษฎร์ธานี จะต้องเสียค่าใช้จ่าย 12,000 บาท ผู้ต้องหาที่ 4 จะเดินทางไปทำงานที่ อ.เมือง จ.กระบี่ จะต้องเสียค่าใช้จ่าย 12,000 บาท ผู้ต้องหาที่ 5 จะเดินทางไปทำงานที่กรุงเทพมหานคร จะต้องเสียค่าใช้จ่าย 15,000 บาท ผู้ต้องหาที่ 6 จะเดินทางไปทำงานที่ จ.สุราษฎร์ธานี จะต้องเสียค่าใช้จ่าย 12,000 บาท เมื่อเดินทางถึงจุดหมาย
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้จับกุมตัวผู้ต้องหาที่ 1 – 6 พร้อมตรวจยึดของกลางดังกล่าว ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ที่มา https://fm91bkk.com/newsarticle/9922?fbclid=IwAR1UCPtlbs_JvWkT3ZqHA0pA6THYmnnv4MXQOXsOZwq8xoVboXb_8mREkCg