นายกฯ ปลื้มความร่วมมือไทย – จีน พัฒนาเส้นทางขนส่งทางเรือ จากไทยไปจ้านเจียง ใช้เวลาขนส่งจากแหลมฉบังไปท่าเรือจ้านเจียงไม่เกิน 3 วัน
30 มิ.ย. 2566, 11:37
วันที่ 30 มิถุนายน 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชื่นชมความร่วมมือระหว่างไทย - จีน เพื่อต่อยอด เพิ่มโอกาส การค้าการส่งออกระหว่างกัน เชื่อมั่นจะเป็นโอกาสขยายการส่งออกกุ้งและผลไม้สู่เมืองจ้านเจียงและพื้นที่อื่นๆ ของมณฑลกวางตุ้ง สาธารณรัฐประชาชนจีน
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย ได้แก่ กระทรวงเกษตรเเละสหกรณ์ กระทรวงการต่างประเทศ ได้ประสานการทำงานร่วมกับฝ่ายจีน สำรวจพื้นที่ท่าเรือ และตลาดทางการค้า เมืองจ้านเจียง มณฑลกวางตุ้ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเมืองจ้านเจียง เป็นเมืองท่าใหญ่ที่สำคัญของมณฑลกวางตุ้ง เป็นศูนย์กลางการค้าผลไม้ใหญ่ที่สุด และเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมกุ้งอันดับหนึ่งของจีน รวมทั้งเป็นเมืองที่มีความพร้อมทางด้านระบบห่วงโซ่ความเย็น (Cold chain system) ทั้งในขณะจัดเก็บ และขนส่งเพื่อคงคุณภาพของสินค้าให้ดีที่สุด
ทั้งนี้ ท่าเรือจ้านเจียง (Zhanjiang Port) เป็นท่าเรือน้ำลึกทางตอนใต้ที่สําคัญ มีท่าเทียบเรือ และจุดจอดเรือ 162 แห่ง รองรับปริมาณสินค้าได้กว่า 340 ล้านตัน รองรับตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 20 ฟุตรวม 800,000 ตู้ มีแนวเดินเรือน้ำลึกที่สุดทางภาคใต้ของจีน สามารถรองรับเรือระวาง 400,000 ตัน มีเส้นทางเดินเรือขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ มีบริการขนส่งทางรถไฟเชื่อมต่อกับทางเรือ และมีสถานที่ควบคุมตรวจสอบที่กำหนดเฉพาะสำหรับการนำเข้าผลไม้ และธัญพืช และมีการนำเข้ามันสำปะหลังแห้งและกุ้งแช่แข็ง ท่าเรือจ้านเจียงจึงสามารถเป็นอีกทางเลือกของการขนส่งสินค้าทางเรือตอนใต้สุดของมลฑลกวางตุ้ง โดยใช้เวลาขนส่งจากแหลมฉบังไปท่าเรือจ้านเจียงไม่เกิน 3 วัน ซึ่งสามารถใช้เป็นการรองรับการส่งออกทุเรียนและผลไม้อื่น ๆ กรณีที่เกิดปัญหาติดขัดบริเวณด่านทางบก
ในโอกาสนี้ คณะผู้แทนของทั้งสองประเทศได้เยี่ยมชมตลาดค้าส่งผักและผลไม้เจียงหนาน จ้านเจียง และ ตลาดสินค้าเกษตรเชียงหนานเสียซาน ซึ่งเป็นสาขาของตลาดเชียงหนาน-กวางโจว ตลาดค้าขายผักและผลไม้ใหญ่ที่สุดในจีน และมีส่วนของโรงงานแปรรูปกุ้ง จึงเป็นโอกาสให้ไทยสามารถขยายการส่งออกกุ้งมาจ้านเจียงเพิ่มขึ้น รวมทั้ง คณะผู้แทนฯ ได้ร่วมกันหารือเพื่อพิจารณาการเปิดเส้นทางการขนส่งทางเรือจากไทยมายังท่าเรือจ้านเจียง
"นายกรัฐมนตรีขอบคุณการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในการแสวงหาโอกาสเพิ่มขึ้น เพื่อเป็นช่องทางให้สินค้าไทย นายกรัฐมนตรีมั่นใจในคุณภาพ มาตรฐานสินค้าไทย ซึ่งหากประกอบกับท่าเรือ เส้นทาง ที่มีมาตรฐาน ใช้ระยะเวลาน้อย จะยกระดับการส่งออกสินค้าไทย รองรับอุตสาหกรรมส่งออกสินค้าเกษตรไทยได้มากขึ้น ทั้งนี้ ประเทศไทยมุ่งมั่นพัฒนาอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ และเพิ่มเครือข่ายโครงสร้างพื้นฐานของไทยอย่างต่อเนื่อง จึงมุ่งหวังว่าการพัฒนาที่รัฐบาลทำมาอย่างต่อเนื่องจะมีส่วนพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน เกษตรกรไทย และผู้ประกอบการโลจิสติกส์ไทยให้ดีขึ้น" นายอนุชาฯ กล่าว