4 ข้อหาหนัก ! 2 มือฆ่า "ป้าอ้อย" เจ้าหน้าที่ ม.ราชภัฏ กาญจนบุรี โยนศพทิ้งหน้าผา ปมหนี้ไฟแนนซ์
7 ก.ค. 2566, 12:33
ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ความคืบหน้า คดีการหายตัวไปของนางดารัณ แพลอย หรือป้าอ้อย เจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนมหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี ที่หายตัวไปตั้งแต่ช่วงเย็นของวันศุกร์ที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากการออกสืบสวน รวบรวมข้อมูลอย่างละเอียด จนนำไปสู่การจับกุม นางสาววิลาวัณย์ แสงประดับเพชร หรือ สาว อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานในมหาวิทยาลัยเดียวกันกับป้าอ้อย และออกหมายจับ นายนิติ จุลสำราญ หรือ กอล์ฟ ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อเหตุ ใน 4 ข้อหาหนัก คือ ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น ข้อหาร่วมกันฝังเผา ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพหรือส่วนของศพ เพื่อปิดบังการเกิด การตาย หรือเหตุแห่งการตาย ข้อหาร่วมกันกระทำใดๆแก่ศพหรือสภาพแวดล้อม ในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตร พริกสดหรือผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลงไป ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม และร่วมกันช่วยเหลือผู้อื่น มิให้ต้องรับโทษหรือรับโทษให้น้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสียหรือทำให้สูญหาย ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด ซึ่งจนถึงขณะนี้ นางสาวสาว และนายกอล์ฟ ยังคงถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องขังสถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรี
จากนั้นในเวลา 10:00 นาฬิกา ลูกชายและลูกสะใภ้ของป้าอ้อย ได้เดินทางมาที่สถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรี พร้อมกับนายรพี ชำนาญเรือ ที่เข้ามาให้ความช่วยเหลือในเรื่องของการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการติดตามหาตัวของป้าอ้อย โดยนายระพีกล่าวว่า ตอนนี้ทางครอบครัวของป้าอ้อยยังคงอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจและยังไม่พร้อมที่จะให้สัมภาษณ์ใดๆกับสื่อมวลชน ในส่วนของการเดินทางมาที่สถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรีในวันนี้ ก็เพื่อเข้าพบพนักงานสอบสวนให้ข้อมูลเพิ่มเติมรวมถึงพบกับเจ้าหน้าที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัด ที่จะเข้ามาให้การช่วยเหลือในส่วนของเงินเยียวยา และช่วยจัดหาทนายความมาว่าความให้กับครอบครัวของป้าอ้อยด้วย
พร้อมกันนี้ นายระพี ยังได้กล่าวถึงเรื่องของ ขบวนการจ้างคนไปดาวน์รถแล้วนำรถไปขาย ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ป้าอ้อยถูกฆาตกรรมในครั้งนี้และอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนขยายผลในเรื่องนี้ให้ถึงที่สุดด้วย
นอกจากครอบครัวของป้าอ้อยที่เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนแล้ว ผู้สื่อข่าวพบว่าทางพนักงานสอบสวนยังได้เรียกตัวสามีของนางสาวสาว เข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติม ซึ่งมีกระแสข่าวว่าสามีของนางสาวสาว ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าก่อนวันเกิดเหตุไม่กี่วัน ได้ยินนางสาวสาวบ่นให้ฟังว่าอยากจะหาวิธีการเก็บคนบางคน ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าเป็นป้าอ้อยหรือไม่
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าว ได้ตรวจสอบคลิปวีดีโอกล้องวงจรปิดจากบริเวณด้านหน้าองค์การบริหารส่วนตำบลหนองเป็ด อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่นางสาวสาวและนายกอล์ฟ นำศพของป้าอ้อยไปโยนทิ้งหน้าผาประมาณ 8 กิโลเมตร พบว่าในวันศุกร์ที่ 30 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันที่ป้าอ้อยหายตัวไปนั้น รถของนางสาวสาว ได้ครับผ่านบริเวณหน้าองค์การบริหารส่วนตำบลหนองเป็ด เมื่อเวลาประมาณ 14.39 นาฬิกา ก่อนจะขับผ่านกล้องอีกหลายตัวซึ่งอยู่ตามเส้นทางมุ่งหน้าไปยังจุดทิ้งศพ ก่อนที่รถของนางสาวสาว จะขับกลับมาผ่านณจุดเดิม ในเวลาประมาณ 15.11 นาฬิกา รวมแล้วใช้ระยะเวลา จากจุดที่กล้องวงจรปิดจับภาพไว้ได้ครั้งแรกที่หน้าองค์การบริหารส่วนตำบลหนองเป็ดไปจนถึงจุดที่ทิ้งศพ ประมาณ 30 นาทีเท่านั้น ทำให้เชื่อได้ว่าทั้งสองคนน่าจะรีบนำศพของป้าอ้อยโยนลงหน้าผาบริเวณจุดที่พบศพและรีบขับรถกลับ เข้าสู่ตัวเมืองกาญจนบุรีเพื่อนำเอาเอกสารหลักฐานและทรัพย์สินต่างๆ ของป้าอ้อยไปเผาทำลายในช่วงเย็น ของวันที่ 30 มิถุนายน กระทั่งมีผู้ไปพบกับ บัตรประชาชนและทรัพย์สินของป้าอ้อยที่ถูกเผาที่บริเวณ ท่าน้ำบ้านท่าพะเนียด ดังกล่าว