ไบเดน หารือ ซูแน็ก กระชับความสัมพันธ์ทวิภาคี-สถานการณ์ยูเครน
11 ก.ค. 2566, 18:07
คืบหน้าการเยือนสหราชอาณาจักรของผู้นำสหรัฐฯ บีบีซีรายงานว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯพบปะกับนายกรัฐมนตรีริชี ซูแน็กของสหราชอาณาจักรที่บ้านเลขที่ 10 บ้านพักของนายกรัฐมนตรีในกรุงลอนดอน เมื่อเวลา 16.39 น.จนถึงเวลา 17.20 น.ของวันนี้ ตามเวลาของประเทศไทย ซึ่งผู้นำทั้งสองจับมือทักทาย ให้นักข่าวถ่ายภาพหน้าบ้านพักเลขที่ 10 โดยนายไบเดนชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างพันธมิตรทั้งสองว่าเข้มแข็งดุจภูผา ก่อนเข้าไปหารือกันในบ้าน ผู้นำทั้งสองหารือกันราว 40 นาที
นายซูแน็ก กล่าวว่า เป็นโอกาสที่ดีที่พวกเราจะได้สานต่อประเด็นต่างๆที่เคยพูดคุยมาหลายครั้งในปีนี้ รวมถึงประเด็นที่มีการพูดคุยระหว่างการเยือนกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.ในเดือนที่แล้ว เรื่องการเสริมความความร่วมมือและการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจร่วมกัน เพื่อประโยชน์ของประชาชนจากทั้งสองฝ่าย
ก่อนหน้านี้ นายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ เปิดเผยรายละเอียดการหารือกับรัฐบาลสหราชอาณาจักรว่า ในการพบปะกับนายซูแน็ก นายไบเดนจะหารือเรื่องความสัมพันธ์ทวิภาคีและปัญหาระดับโลก ในเรื่องเกี่ยวกับนาโต ผู้นำทั้งสองจะหารือเรื่องการเสริมสร้างความมั่นคงให้กับสมาชิกนาโตในยุโรปตะวันออกเช่น การปรับปรุงพัฒนาระบบป้องกันและศักยภาพด้านกลาโหม เพื่อป้องกันภัยคุกคามจากรัสเซีย
ในประเด็นเรื่องการเข้าร่วมเป็นสมาชิกนาโตของยูเครน นายไบเดน เห็นว่า ยูเครนจะยังไม่เข้าร่วมเป็นสมาชิกใหม่ของนาโตในการประชุมในครั้งนี้ ส่วนการเข้าเฝ้าสมเด็จพระราชาธิบดีชาร์ลส์ที่ 3 นายไบเดนจะพูดคุยการจัดเวทีระดมเงินทุนสนับสนุนแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะการระดมทุนจากภาคเอกชน
ก่อนหน้านี้ นายซูแน็กเยือนสหรัฐฯในเดือนที่แล้ว ซึ่งทั้งสหรัฐฯและสหราชอาณาจักรประกาศความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจเรียกว่า Atlantic Declaration จากนั้น นายไบเดนจะเดินทางไปยังพระราชวังวินด์เซอร์ในเขตเบิร์กเชียร์ ชานกรุงลอนดอนในช่วงเย็นวันนี้ เพื่อพบสมเด็จพระราชาธิบดีชาร์ลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักร และพูดคุยในเรื่องสิ่งแวดล้อม ครั้งหลังสุดที่นายไบเดนเยือนสหราชอาณาจักรคือ การร่วมงานพระราชพิธีพระบรมศพ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ในเดือนกันยายนปีที่แล้ว แต่ในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในเดือนพฤษภาคมปีนี้ นายไบเดนส่งนางจิล สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐฯ พร้อมหลานสาวมาร่วมงานแทน
ที่มา https://www.js100.com/en/site/news/view/131155?fbclid=IwAR0hFxtURNZyXCgdbmitLdIuLCQgleTsKijj5FkXxJ3lGF9un574jZqtOoE