ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า นายศราวุธ ศรีทันดร นายกเทศมนตรีตำบลทองผาภูมิ  เปิดเผยว่า วัดท่าขนุนโดยพระครูวิลาศกาญจนธรรม,ดร. เจ้าอาวาสวัดท่าขนุนได้ร่วมกับชุมชน สภาวัฒนธรรมอำเภอ จัดกิจกรรม เสาร์ใส่บาตร  ตลาดริมแคว ยลวิถีเมืองท่าขนุน และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ชุมชนต่างๆ  ที่บริเวณตลาดริมแคว แลนด์มาร์คแห่งใหม่ของทองผาภูมิ เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในอำเภอทองผาภูมิ สามารถมองเห็นสะพานแขวนหลวงปู่สาย เจดีย์วัดท่าขนุนและแม่น้ำแควน้อย ฯลฯ  โดยทุกวันเสาร์ อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เริ่มมีนักท่องเที่ยวมาใส่บารตช่วงเช้าและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ชุมชน และสามารถเที่ยวตามเส้นทางท่องเที่ยว บวร on tour จุดเช็คอินต่างๆในวัดท่าขนุน เช่น บริเวณหน้าวัดสมเด็จองค์ปฐม,สถานีรถไฟจำลองเส้นทางรถไฟสายมรณะ,เจดีย์พระพุทธเจติยคีรี,บ้านเชลยศึก,สะพานแขวนหลวงปู่สาย

 

วัดท่าขนุนสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2473 มีเนื้อที่ 59 ไร่ 2 งาน 30 ตารางวา วัดท่าขนุนได้ชื่อตามเมืองด่านท่าขนุน สมัยนั้นการสัญจรส่วนมากไปทางเรือที่ล่องตามลำน้ำแควน้อย จุดที่ตั้งของเมืองด่านท่าขนุนเป็นท่าเรือ มีที่หมายสำคัญคือมีต้นขนุนอยู่หลายต้น จึงเรียกกันง่าย ๆ ว่า “ท่าขนุน” จนกลายเป็นชื่อบ้านนามเมืองตั้งแต่นั้นมา

 

วัดท่าขนุน หรือที่ชาวทองผาภูมิ รู้จักกันในชื่อของ วัดหลวงปู่สาย อยู่ใน ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ตั้งอยู่ติดริมแม่น้ำแควน้อย ถือว่าเป็นวัดสำคัญที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวไทยเชื้อสายมอญ พม่า และกะเหรี่ยง  มีพระอุโบสถคอนกรีตเสริมเหล็ก พระเจดีย์ 80 พรรษา พระพุทธเจติย์คีรี ที่เป็นเจดีย์ศิลปะพม่า ตั้งอยู่อย่างโดดเด่น ซึ่ง พระพุทธเจติย์คีรี นั้นต้องอาศัยการขึ้นบันไดกว่า 1,237 ขั้น เพื่อจะไปยังยอดเขาที่เป็นที่ตั้งค่ะ โดยจะมีพระเจดีย์องค์เล็กล้อมรอบอยู่อีก 4 องค์ด้วยกัน ภายในก็จะบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ

 

ส่วนบริเวณรอบๆ นั้น สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองทองผาภูมิ และ เขื่อนวชิราลงกรณ ได้อย่างสวยงาม ในยามเช้าที่นี่ยังสามารถชมพระอาทิตย์ขึ้น ท่ามกลางทะเลหมอกได้งดงาม โดยเฉพาะในช่วงฤดูปลายฝนต้นหนาว นอกจากนี้ตอนเย็นก็ยังสามารถชมพระอาทิตย์ตก ที่จะส่องแสงสะท้อนกับเจดีย์สีทองมองแล้วสวยงามสุดๆ

 

รวมไปถึง พระพุทธรูปสีขาวองค์ใหญ่ บนยอดเขา นามว่า สมเด็จองค์ปฐม ที่ใต้ฐานจะทำเป็นห้องสมุด มีทั้ง พระพุทธรูปหินสลักสีดำ ปางประทานพร พระที่แกะสลักจากงาช้าง พระที่แกะจากหยกขาว พระพุทธรูปที่มีอายุเก่าแก่กว่า 100 ปี และพระพุทธรูปที่หล่อจากโลหะอีกหลายองค์ ประดิษฐานอยู่ด้วย และ สังขารของ หลวงปู่สาย อคฺควํโส ก็ถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี ไม่เน่าเปื่อยสลายไป ทุกวันนี้เลยมีผู้มีจิตศรัทธาต่างมาแวะเวียน กราบสังขารท่านที่นอนอยู่ในโลงแก้วกันอย่างไม่ขาดสายเลยค่ะ ว่ากันว่าถ้าใครเดินทางมาทองผาภูมิ แล้วไม่ได้มานมัสการหลวงพ่อสายที่ วัดท่าขนุน ก็เหมือนกับเดินทางมาไม่ถึงทองผาภูมิ นั่นเอง