วันนี้ (21 ก.ย.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องสืบสวนชุดพิรุณ สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.อ.จามร อันดี ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี พร้อมด้วยตร.ชุดสืบสวนได้ร่วมกับจับกุมสองคนร้ายที่ทำทีเป็นลูกค้าไปซื้อสินค้าที่ร้านขายของชำชื่อร้านน้องเมย์ บ้านโนนกอก ต.หนองนาคำ อ.เมือง จ.อุดรธานี โดยได้ฉกเอาถังใส่น้ำพลาสติคสีดำ โดยในถังมีกระเป๋าใส่สร้อยคอทองคำหนัก  10 บาทเป็นทองไต้หวัน 4 เส้น ทองไทย 2 เส้นน้ำหนักรวม 10 บาท และยังมีเงินสด 16,000 บาท เอกสารสำคัญ มูลค่าแสนบาทเศษ ของนางประมวล ด้านสิงห์ อายุ 63 ปี เจ้าของร้านขายของชำไปต่อหน้าต่อตา เหตุเกิดเมื่อวันที่ 5 ก.ย.66 ที่ผ่านมา วงจรปิดจับภาพได้ชัดเจนคนร้ายเป็นชายวัยรุ่น 2 คนขับรถจยย.ฮอนด้าเวฟสีฟ้าขาว หลังก่อเหตุฉกกระเป๋าใส่ทองของคุณยายประมวลไป ได้นำไปขาย ได้เงินมาไปซื้อรถจยย.คันใหม่ และใช้จ่ายฟุ่มเฟือย  ซึ่งตร.ชุดสืบสวนสภ.อุดรธานี ได้ติดตามจับกุมนายโน้ต อายุ 18 ปี ได้ขณะหลบซ่อนในห้องพักในซอยอุดรดุษฏี ซอย 6 เมื่อวันที่ 20 ก.ย.66 ที่ผ่านมา ส่วนนายบี อายุ 23 ปี ตร.สภ.เมืองเลยจับกุมได้หลังไปก่อเหตุลักทรัพย์ในท้องที่ อ.เมือง จ.เลย เมื่อวันที่ 16 ก.ย.66 ที่ผ่านมา

ตร.ได้ควบคุมตัวนายโน้ตมาพบคุณยายประมวล เมื่อเห็นหน้ายายก็ด่าไปหนึ่งกัณฑ์ใหญ่ ส่วนนายโน้ตก็ได้กล่าวคำขอโทษและก้มกราบขอขมากับการก่อเหตุที่ลงมือทำไป ไม่ได้ตั้งใจแค่จะไปขอเงินใช้เท่านั้น ซึ่งคุณยายได้บอกทั้งน้ำตาว่า ทำไมทำกับยายแบบนี้ไม่สงสารคุณยายเหรอ ทองที่ยายได้มาทำงานเก็บเล็กผสมน้อยสะสมมาหามาทั้งชีวิต ทำไมถึงทำได้ ซึ่งนายโน้ต กล่าวตอบกับคุณยายว่า หลังจากออกจากคุกก็จะทำงานหาเงินชดใช้มาคืนยายนะครับ

นายโน้ต  อายุ 18 ปี บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ตอนนั้นตนจะเข้าไปขอตังค์กับยายไม่ได้ตั้งใจที่จะขโมย ส่วนทองคำนั้นตนไม่รู้ว่ามันอยู่ในกระป๋อง สำหรับทองที่เอาไปได้เอาไปขายได้เงินประมาณแสนกว่าบาท ส่วนทองอีกเส้นหนึ่งที่หายไปนั้นตนก็ไม่รู้ว่าอยู่ไหน สำหรับเพื่อนร่วมก่อเหตุวันนั้นถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมไปก่อนหน้านี้แล้ว ที่จ.เลย ซึ่งหลังจากขายทองได้ตนก็นำเงินส่วนหนึ่งไปซื้อรถจักรยานยนต์ที่จังหวัดชลบุรี และนำ กลับมาขี่ที่จังหวัดอุดรธานี ทั้งนี้ก็อยากจะขอโทษยายสำนึกผิดแล้ว ทั้งนี้ตนรับปากว่าหากพ้นโทษออกมาตนจะพยายามหาเงินมาคืนยาย โดยจะทำงานหาเงินผ่อนเดือนละ 1,000 บาทก็ยังดี

นางประมวล ด้านสิงห์ อายุ 63 ปี บอกว่า ดีใจที่ตำรวจจับคนร้ายได้ ไอ้คนก่อเหตุนั้นมันมาที่ร้าน 2 ครั้งแล้ว เมื่อกี้ผู้ต้องหามาขอโทษยายก็ยังทำใจไม่ได้ สำหรับทองนี้ตนเก็บมาตั้งนานแล้วไปทำงานที่ไต้หวันตั้งแต่ตอนสาวๆ เก็บหอมรอมริบเพื่อเอาเงินซื้อทอง ทองขึ้นก็ไม่ขาย ที่มากราบบอกว่าหลังออกจากคุกจะทำงานหาเงินผ่อนส่งยายนั้นนี้ก็แค่คำพูดที่ฟังดูดี ยังไงฉันก็ไม่ให้อภัย

ทางด้าน พ.ต.อ.จามร อันดี ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยว่า  สืบเนื่องจากวันนี้ (5 ก.ย.66) ตำรวจสภ.เมืองอุดรธานี รับแจ้งมีเหตุคนร้ายวิ่งราวทรัพย์ถังพลาสติค โดยในถังมีทองคำหนักกว่า 10 บาท มูลค่าแสนบาทเศษและเงินสดอีก 16,000 บาทของนางประมวล ด้านสิงห์ อายุ 63 ปี ชาวบ้านบ้านโนนกอก ต.หนองนาคำ อ.เมือง จ.อุดรธานี แล้วขับรถจยย.หนีไปอย่างรวดเร็ว หลังเกิดเหตุตนได้สั่งการให้เร่งติดตามสืบสวนหาคนร้ายที่ก่อเหตุทันทีโดยแกะจากกล้องวงจรปิด จนรู้ตัวคนร้ายพบว่าคนร้ายทั้ง 2 คน มีประวัติลักทรัพย์โชกโชน ทั้งขโมยรถจักรยานยนต์ และนำไปขายที่จังหวัดเลย จากนั้นก็ไปขโมยรถ ที่หอพักในจังหวัดเลยมาก่อเหตุที่อุดรธานี โดยตะเวนหาลักทรัพย์ กระทั่งวันที่ 5 กันยายน ได้เข้าไปก่อเหตุที่ร้านขายของชำในพื้นที่ตำบลหนองนาคำ เมื่อก่อเหตุแล้วก็ขับรถมอเตอร์ไซค์ไปที่จังหวัดขอนแก่น นำทองเส้นเล็ก 2 เส้น ไปขายที่จังหวัดขอนแก่น ได้เงินประมาณ 24,000 บาท จากนั้นก็แบ่งกันและผู้ต้องหาทั้ง 2 รายก็ย้อนกลับมาที่จังหวัดอุดรธานี จากนั้นก็ขับรถคันที่ก่อเหตุไปที่บขส.แล้วขึ้นรถโดยสารไปที่จังหวัดชลบุรี นำทองที่เหลือ อีก 3 เส้นไปขายที่จังหวัดชลบุรี ได้เงิน 160,000 บาท จากนั้นก็แบ่งกันและแยกย้าย ส่วนนายบี ย้อนกลับไปที่จังหวัดเลยไปก่อเหตุลักทรัพย์อีก แต่ก็ถูกตร.สภ.เมืองเลยจับกุมได้ ส่วนนายโน้ต ได้นำเงินส่วนหนึ่งไปซื้อรถจักรยานยนต์ PCX และขับกลับมาที่จังหวัดอุดรธานี กรณีทรัพย์สินที่คนร้ายนำไปขายนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการสืบทราบทรัพย์คืนให้คุณยายต่อไป