สธ. เตรียมชง "ฟาวิพิราเวียร์" เข้าบัญชียาหลักฯ รักษาไข้หวัดใหญ่
30 ก.ย. 2566, 12:50
นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวถึงการรักษาโรคไข้หวัดใหญ่ด้วยยาโอเซลทามิเวียร์ และยาฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir) ว่า ยาทั้งสองชนิดสามารถนำมารักษาโรคไข้หวัดใหญ่ได้ ซึ่งจากการประชุมผู้เชี่ยวชาญฝ่ายวิชาการของกรมการแพทย์เมื่อวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา มีการพิจารณาถึงแนวทางการรักษาไข้หวัดใหญ่ด้วยฟาวิพิราเวียร์ นอกเหนือจากโอเซลทามิเวียร์ ซึ่งจะมีการเสนอเข้าสู่คณะกรรมการวิชาการของกระทรวง สาธารณสุข ก่อนออกเป็นประกาศแนวทางการรักษาอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ที่ผ่านมายาโอเซลทามิเวียร์อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ส่วนฟาวิพิราเวียร์ ซึ่งก่อนหน้านี้ใช้รักษาโรคโควิด-19 ฟรี แต่เมื่อโรคโควิดไม่ใช่โรคติดต่ออันตรายแล้วก็จะต้องมีการดำเนินการตามขั้นตอน เพื่อผลักดันเข้าสู่คณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติต่อไป
ด้าน นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์ไข้หวัดใหญ่วันที่ 1 ม.ค.-16 ก.ย. 2566 มีรายงานผู้ป่วย 185,216 คน อัตราป่วย 279.90 ต่อประชากรแสนคน มีรายงานเสียชีวิต 4 คน ในจังหวัดนครราชสีมา 2 คน สงขลาและตาก จังหวัดละ 1 คน อัตราป่วยตาย 0.002 สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิด A/H1N1 และ A/H3N2 และมีแนวโน้มป่วยเพิ่มขึ้น โดยถือว่ามีอัตราใกล้เคียงกับปีก่อนเกิดการระบาดของโรคโควิด ดังนั้น โรคไข้หวัดใหญ่แม้จะพบมาก แต่ไม่ถือว่ารุนแรงเกินจัดการ
พญ.มิ่งขวัญ สุพรรณพงศ์ ผอ.องค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า อภ.เร่งผลิตยาโอเซลทามิเวียร์ โดยผลิตได้ประมาณ 26 ล้านเม็ด ใช้ได้ 2.6 ล้านคน โดยผลิต 3 ขนาด ทั้งเด็กเล็ก เด็กโต และผู้ใหญ่ ส่วนยาฟาวิพิราเวียร์มีอยู่ 1.6 ล้านเม็ด รักษาได้ประมาณ 3 หมื่นกว่าคน และยังมีวัตถุดิบผลิตได้อีกประมาณ 8 แสนเม็ด.