วันนี้ ( 8 ต.ค.66 ) นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ แถลงเกี่ยวกับสถานการณ์ความรุนแรง เหตุกลุ่มฮามาสโจมตีหลายพื้นที่ในอิสราเอล เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา จนทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก รวมถึงมีผู้ที่ถูกลักพาตัว ขณะที่อิสราเอลเปิดปฏิบัติการถล่มเขตกาซา ตอบโต้กลุ่มติดอาวุธในปาเลสไตน์

นายปานปรีย์ ระบุว่า เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในอิสราเอล เบื้องต้นมีคนไทยได้รับบาดเจ็บ 8 คน โดยรอการช่วยเหลือ 3 คนและเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล 5 คน นอกจากนี้ยังมีผู้เสียชีวิต 1 คนและมีแรงงานถูกจับเป็นตัวประกันอีก 11 คน

ขณะที่ น.ส.พรรณนภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้ต่อสายอัปเดตสถานการณ์ในอิสราเอล โดยระบุว่า ณ ตอนนี้ยังมีการสู้รบ โดยเฉพาะในเขตริมฉนวนกาซา ซึ่งฝ่ายอิสราเอลได้พยายามยึดคืนพื้นที่และสามารถยึดคืนมาได้แล้ว 2 ส่วน แต่ยังไม่ใช่พื้นที่ส่วนที่มีแรงงานไทยถูกจับเป็นตัวประกัน ส่วนแรงงานที่ถูกกลุ่มฮามาสจับตัวไปมีหลายชาติ ไม่ใช่เฉพาะแรงงานไทยเท่านั้น ซึ่งสถานทูตไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ติดตามสถานการณ์และให้ความช่วยเหลืออย่างใกล้ชิดในโอกาสแรก โดยแรงงานไทยไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายที่กลุ่มฮามาสจะทำร้าย เพียงแต่อยู่ในพื้นที่ จึงถูกจับเป็นตัวประกัน

นายปานปรีย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลเป็นห่วงคนไทยในอิสราเอล ดังนั้นจะต้องดูแลทั้งผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว ผู้บาดเจ็บและผู้ที่ถูกจับตัวไป จึงต้องหาทางช่วยเหลือออกมาให้ได้ โดย กต.ได้ประสานกับกองทัพอากาศแล้ว รอสัญญาณ มีความพร้อมเมื่อไหร่จะเข้าไปช่วยทันที แต่ตอนนี้น่านฟ้ายังปิดอยู่ ขณะนี้ต้องรอความชัดเจน เพราะยังไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าในทางการเมืองระหว่างประเทศเกิดอะไรขึ้น พร้อมยืนยันว่ายังไม่ได้ประณามฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ที่ประณามคือการใช้ความรุนแรง รวมถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนไทยที่เป็นผู้บริสุทธิ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถรับได้