เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



"แรงงานไทยคนแรก" ซื้อตั๋วเครื่องบินเองหนีตายกลับถึงบ้านเกิดแล้ว ก้มกราบเท้าพ่อแม่วอนรัฐบาลเร่งการช่วยเหลือแรงงานที่ประเทศอิสราเอล


17 ต.ค. 2566, 05:30



"แรงงานไทยคนแรก" ซื้อตั๋วเครื่องบินเองหนีตายกลับถึงบ้านเกิดแล้ว ก้มกราบเท้าพ่อแม่วอนรัฐบาลเร่งการช่วยเหลือแรงงานที่ประเทศอิสราเอล




เมื่อเวลา 20.45 น. วันที่ 16 ต.ค. 66  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านเลขที่ 20 หมู่ 11 บ้านหนองคูเหนือ  ต.โพนยาง อ.วังหิน จ.ศรีสะเกษ  นายอานนท์  หนุนชู  นายอำเภอวังหิน พร้อมด้วย ดร.กัลยาณี  ธรรมจารีย์ นายกสมาคมส่งเสริมเครือข่ายการท่องเที่ยวศรีสะเกษ  พ.ต.อ.ปรีชา  สารถี  ผกก.สภ.วังหิน นายสุริยะ  สำเภา กำนันตำบลโพนยาง  นายสมชาย ศรีทา นายก อบต.โพนยาง และคณะ ได้นำชาวบ้านหนองคูเหนือ มารอให้การต้อนรับ นายธนาชัย  จันสมุทร อายุ 32 ปี ชาวบ้านหนองคูเหนือที่ไปทำงานด้านการเกษตรอยู่ที่ประเทศอิสราเอล  ซึ่งนายธนาชัย ได้ซื้อตั๋วเครื่องบินด้วยตนเองไม่รอการช่วยเหลือจากรัฐบาลไทยที่จัดส่งเครื่องบินไปรับ  และมีกำหนดจะเดินทางกลับมาถึงบ้านในวันนี้  โดยมี นายวิชัย  เลิศภัทรนันท์ แรงงานจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วย  นางทัศนี ขจัดมลทิน จัดหางานจังหวัด นางรังสินี  บุญทน สวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน  นายชัยรัตน์ ฉัตรศุภกุล ผอ.สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 38   ผู้แทนประกันสังคมจังหวัด  ได้นำพ่อแม่และตายายไปรอต้อนรับ นายธนาชัย  ที่สนามบินอุบลราชธานี จากนั้น  จะรับนายธนาชัยเดินทางกลับมาบ้านเกิดที่บ้านหนองคูเหนือ ต.โพนยาง อ.วังหิน จ.ศรีสะเกษ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนายธนาชัย ก้าวลงจากรถตู้ที่ส่วนราชการกระทรวงแรงงานจัดไปรับ ปรากฏว่า ได้มี    ญาติพี่น้องพากันเข้าไปสวมกอดเพื่อให้การต้อนรับนายธนาชัย อย่างอบอุ่น ที่นายธนาชัย รอดตายจากสงครามและเดินทางกลับมาถึงบ้านอย่างปลอดภัย จากนั้น นายธนาชัย ได้เดินเข้าไปก้มลงกราบเท้าของนายสดชัย  จันสมุทร อายุ 55 ปี และนางทองอินทร์  จันสมุทร อายุ  50 ปี พ่อและแม่ของนายธนาชัย ซึ่งพ่อแม่ได้สวมกอดนายธนาชัย ด้วยความรักและห่วงใย จากนั้น พ่อแม่ญาติพี่น้องและคณะทุกคนได้นำเอาด้ายมาผูกแขนเพื่อเป็นการต้อนรับนายธนาชัยกลับสู่บ้านเกิด บรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่นมาก ขณะที่  ดร.กัลยาณี พร้อมด้วยทีม หัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงแรงงาน ได้เข้าไปชี้แจงให้นายธนาชัย ได้ทราบถึงสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับจากกระทรวงแรงงาน  เนื่องจากว่า นายธนาชัย ไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

นายธนาชัย  จันสมุทร อายุ 32 ปี  กล่าวว่า ตนไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลตั้งแต่วันที่ 19 ธ.ค.2561 ไปทำงานแล้ว 4 ปีกับอีก 10 เดือน อีกเพียง 5 เดือนก็จะครบตามสัญญา ตนเป็นแรงงานไทยชาวศรีสะเกษคนแรกที่กลับมาถึงบ้านเกิด ทำให้ตนรู้สึกดีใจมากที่เอาสามารถเอาชีวิตรอดมาได้ ปกติแล้ววันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ตนจะเดินทางไปเที่ยวกับพี่เพื่อนใกล้กับฉนวนกาซา แต่ว่าในวันนั้นนายจ้างสั่งให้ตนมาทำงานในวันเสาร์ซึ่งเป็นวันที่เกิดเหตุการณ์สู้รบพอดีจึงไม่ได้ลงไปกับเพื่อนแรงงานคนอื่นๆทำให้ตนโชคดีไม่ได้เข้าไปบริเวณที่มีการสู้รบ การที่ตนซื้อตั๋วเครื่องบินกลับมาเองนั้นก็เนื่องจากว่า ดูสถานการณ์สู้รบแล้วน่าจะไม่ยุติง่าย เพราะว่าข่าวในประเทศไทยก็ออกตลอดทำให้ทางบ้านเป็นห่วงมาก ซึ่งข่าวที่ออกไปตนเห็นว่าคนไทยน่าจะเสียชีวิตมากกว่านี้อาจจะค้นหายังไม่เจอก็มีเพราะว่าหายไปแบบติดต่อไม่ได้ก็มี ตนซื้อตั๋วเครื่องบินจำนวนเงิน 37,500 บาท หากสงครามอิสราเอลสงบแล้วตนจะไม่กลับไปทำงานอีกอย่างเด็ดขาดเพราะว่าพื้นที่ที่ตนอยู่เสี่ยงมาก  ต่อไปภัยการสู้รบอาจจะมาถึงพื้นที่ที่ตนอยู่ได้เพราะว่าการสู้รบใกล้จะมาถึง.ที่ตนทำงานอยู่แล้ว โชคดีที่ทหารตำรวจของอิสราเอลสกัดเอาไว้ได้

นายธนาชัย กล่าวต่อไปว่า ตนไปทำงานอยู่ที่บริเวณเมืองเนติวู๊ด ซึ่งหากว่าไม่มีทหารตำรวจของอิสราเอลไปสกัดไว้การสู้รบก็จะถึงแคมป์ของตน แคมป์ที่อยู่ข้างหน้าของตนก็โดนกลุ่มฮามาสบุกเข้ามาไล่ยิงหมดแล้ว ไล่ยิง  โดยไม่เลือกว่าเป็นใครชาติไหนกลุ่มฮามาสที่บุกเข้ามาจะยิงทิ้งหมด คนไทยที่อยู่ในแคมป์ด้วยกันก็ขวัญเสียหมดแล้วต้องการกลับบ้านมาก แต่ว่าบางคนก็ไม่อยากกลับบ้านเนื่องจากว่าจะต้องหาเงินไปส่งงวด ค่างวดรถ ค่าบ้านและเป็นเสาหลักในการทำมาหาเลี้ยงครอบครัวซึ่งหากกลับมาประเทศไทยก็ไม่รู้ว่าจะไปหางานอะไรทำ เอาอะไรกิน ไม่มีงานทำ รายได้ก็อาจจะไม่เยอะเท่ากับทำงานอยู่ที่ประเทศอิสราเอล ตนขอฝากไปถึงรัฐบาลว่า ขอให้การช่วยเหลือเร็วกว่านี้ด้วย ให้ช่วยเหลือประชาชนชาวไทยที่อยู่ตรงนั้นให้รีบออกมาเร็วกว่านี้ เนื่องจากแรงงานจำนวนมากไปลงทะเบียนแล้ว ไม่ทราบว่า จะได้บินกลับประเทศไทยวันไหน รัฐบาลจะมารับวันไหน แล้วจะเช็คชื่อตรงไหนมีการประกาศจำนวนออกมาว่า 4 – 5,000 คน เราลงทะเบียนลำดับไหนเราเองก็ยังไม่รู้ ทุกคนต้องการเป็นแบบเรียลไทม์พอกดลิงค์เข้าไปจะสามารถรู้ได้ทันทีว่าชื่อ เลขประชาชนเราขึ้นลำดับใดขึ้นมา ซึ่งแรงานไทยต้องการอยากรู้แบบนั้น เพียงแค่รู้ว่าแรงงานไทย 4-5,000 คนอยากเดินทางกลับไทย แล้วจะตรวจเช็คยังไงว่าจะได้เดินทางกลับวันไหนอยู่ลำดับที่เท่าไร ซึ่งแรงงานไทยจำนวนมากไม่รู้เรื่องนี้ ตนขอฝากรัฐบาลไทย และต้องขอขอบคุณรัฐบาลไทยที่พยายามประสานงานช่วยเหลือในเรื่องนี้



นางทองอินทร์  จันสมุทร อายุ  50 ปี  แม่ของนายธนาชัย   กล่าวว่า  ตนดีใจมากที่ลูกชายสามารถเดินทางกลับมาบ้านเกิดได้อย่างปลอดภัย  ช่วงเกิดการสู้รบกันที่ประเทศอิสราเอล ตนกินไม่ได้นอนไม่หลับ เนื่องจากเป็นห่วงความปลอดภัยของลูกชาย หากแม้ว่าการสู้รบที่ประเทศอิสราเอลสงบลงแล้ว ตนก็จะไม่ให้ลูกชายกลับไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลอีกต่อไป ทำมาหากินอยู่ที่บ้านเราเองปลอดภัยกว่า

นางทัศนี ขจัดมลทิน จัดหางานจังหวัดศรีสะเกษ  กล่าวว่า  ในส่วนของนายธนาชัยนั้นได้เดินทางกลับจากประเทศอิสราเอลมาประเทศไทยก่อนสิ้นสุดสัญญา ก็จะมีสิทธิประโยชน์จากกองทุนบริหารแรงงานต่างประเทศของกรมการจัดหางาน ในเบื้องต้นจะได้เงินช่วยเหลือฉุกเฉินจำนวน 15,000 บาท สามารถที่จะยื่นติดต่อขอรับเงินได้ที่จัดหางานจังหวัดศรีสะเกษได้เลย ซึ่งในวันนี้ทางจัดหางานจังหวัดศรีสะเกษก็ได้นำเอาเอกสารมาให้ นายธนาชัยได้กรอกข้อมูลและพร้อมที่จะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้เร็วที่สุดเพราะว่าก่อนหน้านี้ก็ได้ลงมาสัมภาษณ์เพื่อเก็บข้อมูลจากพ่อแม่ของนายธนาชัยเอาไว้แล้ว ส่วนราชการสังกัดกระทรวงแรงงาน จ.ศรีสะเกษ โดยการอำนวยการของ นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผวจ.ศรีสะเกษ มีความ ห่วงใยมาก จึงได้มอบหมายให้ส่วนราชการสังกัดเกระทรวงแรงงานเข้ามาดูแลในเรื่องนี้อย่างเต็มที่ ส่วนการที่นายธนาชัย มีการซื้อตั๋วเครื่องบินเดินทางกลับมาเองนั้น จากการที่ตนได้ติดตามข้อมูลข่าวสารแล้วสิทธิที่จะได้รับก็คือจะสามารถเบิกค่าตั๋วเครื่องบินคืนได้จากกระทรวงการต่างประเทศ ค่าเดินทางที่เดินทางมาจากสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อมาถึงบ้าน ในส่วนของนายธนาชัยนี้ทาง ผวจ.ศรีสะเกษได้มอบหมายให้ทางกระทรวงแรงงานได้จัดรถไปรับที่สนามบิน จ.อุบลราชธานีและนำมาส่งที่บ้านเกิด อ.วังหิน จ.ศรีสะเกษจึงไม่มีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ส่วนค่าตั๋วเครื่องบินจากอิสราเอลมาประเทศไทยเบิกได้แน่นอน ตนได้แจ้งให้นายธนาชัย เก็บหลักฐานทุกอย่างเอาไว้เพื่อประกอบการเบิกจ่ายเงินค่าตั๋วเครื่องบินคืนให้ต่อไปแล้ว

 







Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.