นายกฯ ตอบกระทู้สด แจงภารกิจเยือนต่างประเทศ เร่งช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอล
26 ต.ค. 2566, 16:34
วันนี้ ( 26 ต.ค.66 ) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จังหวัดราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจาถึงนายกรัฐมนตรี ว่า ประเทศไทยได้ประโยชน์อะไรบ้างจากภารกิจการเดินทางไปเยือนต่างประเทศของนายกรัฐมนตรีในช่วงที่ผ่านมา และมีโครงการอะไรบ้างที่น่าสนใจ รวมถึงมาตรการช่วยเหลือเยียวยาแรงงานไทยในอิสราเอล
ด้าน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ตอบกระทู้ถาม โดยชี้แจงว่า ภาพรวมภารกิจเดินทางไปเยือนต่างประเทศ เป็นหน้าที่ของผู้นำที่ได้รับเลือกตั้งใหม่ต้องไปเยือนต่างประเทศสานความสัมพันธ์ อาทิ การเยือนประเทศบรูไน ได้มีการหารือในแง่การค้าการลงทุน โดยเฉพาะการส่งสินค้าการเกษตร และการลงทุนเกี่ยวกับการสร้างความมั่นคงด้านอาหาร ขณะที่ประเทศมาเลเซีย ได้พบปะกับสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซีย โดยได้ฝากข้อห่วงใยถึงการล่าสัตว์ที่มีกันแพร่หลายในพื้นที่ภาคใต้ของไทยและภาคเหนือของมาเลเซีย รวมถึงการส่งเสริมการค้าชายแดน โดยเพิ่มศักยภาพด้านการคมนาคม ผลักดันการสร้างสะพานสุไหงโก-ลกแห่งที่ 2 ส่วนในการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ร่วมประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง เพื่อเป็นการแสดงเจตจำนงว่า ไทยยินดีที่จะร่วมมือพัฒนาในการสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ทั้งเรื่องของถนนและรถไฟความเร็วสูง พร้อมสานต่อการดำเนินงานจากรัฐบาลชุดที่แล้ว เกี่ยวกับการตั้งเป้าให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า หรือ อีวี โดยไทยได้มีการขยายโรงงานผลิตอย่างต่อเนื่อง นำความเจริญให้กับประเทศ นอกจากนี้ ในหลายประเทศที่เดินทางไป ยังได้ขอให้ช่วยเจรจาในการปล่อยตัวประกันแรงงานไทยด้วย ทั้งนี้ การเดินทางไปต่างประเทศต่างๆ นั้น เป็นการสร้างความมั่นใจให้กับต่างประเทศว่า ไทยมีความพร้อมแล้วสำหรับการเปิดประตูทางการค้า
สำหรับโครงการลงทุนที่น่าสนใจของประเทศ รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับภาคอุตสาหกรรม S Curve ทั้งหมด โดยรัฐบาลที่แล้วได้มีการเจรจากับภาคเอกชนให้มาลงทุนในแง่การผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งตนได้ไปสานต่อเพื่อให้ลงทุนด้านซัพพลายเชน และลงทุนด้านอื่นๆ ให้ส่งผลต่อเอสเอ็มอีในประเทศด้วย รวมทั้งส่งเสริมการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในการผลิต พร้อมเร่งการเจรจาเอฟทีเอ สร้างความมั่นใจในการลงทุนว่าไทยมีสนธิสัญญาทางการค้า ซึ่งจะช่วยผลักดันการค้าระหว่างสองประเทศได้
ต่อข้อถามถึงมาตรการช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอล นายเศรษฐา กล่าวว่า ขณะนี้อพยพแรงงานออกมาได้ 4,000 คน จาก 8,000 คน ที่ต้องการเดินทางกลับประเทศ โดยพบปัญหาว่า มีนายจ้างเสนอเงินเพิ่มเพื่อยื้อให้แรงงานไทยอยู่ต่อ ดังนั้น การแก้ปัญหารัฐบาลจะประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงต่างประเทศที่ต้องการแรงงานไปทำงานที่ให้ค่าแรงที่สูงเช่นกัน พร้อมประสานกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ อาจเสนอสินเชื่อพิเศษในมูลค่าไม่เกิน 150,000 บาท ให้สามารถผ่อนจ่ายระยะยาวถึง 30 ปี คิดดอกเบี้ยร้อยละ 0.1 เพื่อเป็นแรงจูงใจให้แรงงานกลับประเทศ ทั้งนี้ยืนยันว่ารัฐบาลทำเต็มที่ เพื่อพาแรงงานกลับประเทศโดยเร็ว โดยขอให้คำนึงถึงความปลอดภัยของชีวิตเป็นสำคัญ