วันที่ 13 ตุลาคม 2562 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานบรรยากาศ งานประเพณีไหลเรือไฟ และงานกาชาดจังหวัดนครพนม ประจำปี 2562 ระหว่างวันที่ 6-14 ตุลาคม รวม 9 วัน 9 คืน ตั้งแต่ช่วงบ่ายการจราจรเริ่มติดขัด รถยนต์ต่างหลั่งไหลเข้ามายังในเขตเทศบาลเมืองนครพนม โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรนับร้อยนาย คอยอำนวยความสะดวกตามจุดต่างๆ เพื่อบอกทางให้รถยนต์ไปจอดยังจุดที่เตรียมไว้

ขณะที่บริเวณหน้าวัดโพธิ์ศรี ถนนสุนทรวิจิตร เขตเทศบาลเมืองนครพนม ซึ่งใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีไหลเรือไฟโบราณ เพื่อเป็นประทีปพุทธบูชารอยพระพุทธบาท บวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์และพญานาคที่คอยปกป้องคุ้มครองให้ทุกคนมีความสุข ความเจริญ ตลอดจนเป็นการขอขมาลาโทษต่อแม่น้ำโขงที่ใช้ในการหล่อเลี้ยงชีวิต บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคักของประชาชนตลอดจนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาร่วมงานไหลเรือไฟ และงานกาชาดจังหวัดนครพนม ประจำปี 62 ซึ่งหลายคนต่างมีความประทับใจในพิธีกรรมที่ทางจังหวัดจัดให้ เพราะผู้ที่มาร่วมงานนอกจากจะได้ชมความงดงามของเรือไฟโบราณแล้ว ยังสามารถหาเรือไฟขนาดเล็กที่ประดิษฐ์จากกาบกล้วย มาร่วมทำประทีปพุทธบูชารวมกับทางจังหวัดนครพนมด้วย โดยเรือไฟโบราณจะแบ่งออกเป็น 12 นักษัตร เพื่อให้คนเกิดแต่ละปีได้นำเอาเรือไฟขนาดเล็กมาวางรวมกันก่อนที่จะนำไปไหลตามสายแม่น้ำโขง ในเวลา 18.00 น. ก่อนจะเริ่มไหลเรือไฟประยุกต์ในเวลา 20.00 น.
 

ทางด้านเรือไฟของ อำเภอเมืองนครพนม ที่ถูกลมพายุซัดพังยุบลงมาเสียหายทั้งลำ ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน ตลอดจนมณฑลทหารบกที่ 210 ( มทบ.210 ) ส่งทหารเข้าช่วยกันติดลาย และแขวนตะเกียงไฟอย่างขมีขมัน โดยมี นายกิตติวัฒน์ ศรีพระจันทร์ ศิลปินเรือไฟผู้ควบคุมการสร้าง ยืนยันว่าแม้จะมีเวลาเหลือไม่ถึง 2 ชั่วโมง ( ขณะรายงานข่าวเวลา 18.00 น. ) ก็สามารถประดับไฟตะเกียงเสร็จทันแน่นอน

นอกจากนี้ในงานประเพณีไหลเรือไฟฯ ได้มีมิจฉาชีพจำนวน 2 คน เข้ามาทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยว โดยอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เดินเก็บเงินค่าแผงจากพ่อค้าที่ตั้งแผงขายของริมถนนสุนทรวิจิตร รายละ 400 - 1,200 บาท แต่พวกพ่อค้าเริ่มเอะใจเพราะถามหาใบเสร็จแล้วไม่มี จึงพากันไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครพนม ให้ช่วยตรวจสอบชายฉกรรจ์ทั้งสอง และสามารถควบคุมตัวได้ขณะเดินเก็บเงินอยู่ริมแม่น้ำโขง นำตัวไปสอบสวนชายทั้งสองสารภาพว่าไม่ได้เป็นตำรวจตามที่กล่าวอ้าง จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป