"แม่น้องชมพู่" เปิดใจ! หลังศาลเลื่อนนัดอ่านคำพิพากษา เชื่อเป็นคดีฆาตกรรมอำพรางแน่นอน
31 ต.ค. 2566, 14:30
วันที่ 31 ต.ค. 66 ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา พร้อมด้วย นายอนามัย วงศ์ศรีชา พ่อและแม่ของ น้องชมพู่ และ นายพิสิษฐ์ ตรัยเจริญเมธากุล ทนายความส่วนตัว แถลงเปิดใจหลังได้เผชิญหน้ากับ นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล และ นางสมพร หลาบโพธิ์ หรือ ป้าแต๋น
นางสาวิตรี กล่าวว่า ผิดหวังเล็กน้อยที่ศาลเลื่อนนัดอ่านคำพิพากษา แต่เข้าใจว่ามีเหตุผลอันสมควร วันนี้เจอหน้าลุงพล ไม่ได้พูดคุยทักทายกัน ที่ผ่านมารู้สึกสูญเสียแต่ถูกกระทำ ครอบครัวถูกมองว่าใส่ร้ายจำเลยมาโดยตลอด แต่ถ้าได้ติดตามก็จะเห็นว่าหลายครั้งฝั่งโน้นได้พาดพิง จากประโยคที่ว่า สงสัยทำให้กลายเป็นจำเลยสังคม ทำให้ถูกประณามมาโดยตลอด ทั้งที่เรามีสิทธิ์ที่จะสงสัยว่า ใครเป็นคนทำลูกเรา แต่เรากลับถูกกระทำ
ส่วนที่ลุงพลและป้าแต๋นออกมายืนยันว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องนั้น ตนมองว่าเป็นสิทธิ์ของเขา และที่ป้าแต๋นบอกว่า น้องชมพู่รู้อยู่แล้ว แม่ก็ไม่รู้เพราะมีน้องคนเดียวที่ตอบได้ สำหรับเรื่องความรู้สึกที่อัดอั้นตันใจ หลังจากที่สืบพยานเสร็จสิ้นแล้ว สิ่งที่อัดอั้นตันใจคือความรู้สึกที่ทั้งสองฝ่ายตอบโต้กันไปมาเป็นระยะเวลานาน จนตอนนี้มองว่าเป็นเรื่องปกติแล้ว แต่ถ้าในคดีความ ก็ไม่ได้กังวลใจอะไรเลย เพราะได้เห็นทุกอย่างเกี่ยวกับหลักฐาน จึงไม่ได้กังวลตรงนั้น
ส่วนกรณีทนายของลุงพลออกมาบอกว่า ไม่พบดีเอ็นเอของลุงพลในตัวของน้องชมพู่เลย ก็เป็นสิทธิของทนายที่จะพูดเพื่อให้กำลังใจลูกความ แต่ในฐานะที่เราเป็นผู้สูญเสีย คดีเป็นคดีฆาตกรรมอำพราง จะมีคนร้ายและผู้ตาย ถ้าดีเอ็นเอของผู้ร้ายไม่มาพัวพันกับผู้ตาย ก็จะต้องมีหลักฐานอะไรบางอย่างที่ผู้ตายไปพัวพันกับคนร้าย จึงไม่มีความกังวลใจอะไร เพราะเราได้เห็นความยุติธรรมในศาลทั้งหมดแล้ว
“หากวิญญาณลูกรับรู้ ก็ให้ลูกเป็นเด็กเหมือนเดิม ที่มีความสุข จริง ๆ แล้ว ครอบครัวของเราอบอุ่นมาก ถึงแม้ว่าจะยากจนก็ตาม การตายของชมพู่ทางครอบครัวไม่สามารถพูดคุยกันได้เลย แม้จะผ่านมา 3 ปีแล้ว ครอบครัวก็กลัวว่าหากพูดถึงอีก ครอบครัวก็จะกระทบต่อจิตใจ พวกเราเลือกไม่ได้ พวกเราสูญเสีย เราไม่มีโอกาสได้เลือก แต่เขายังมีโอกาสได้พิสูจน์ตัวเอง ว่าถูกใส่ร้ายหรือเปล่า แต่ว่าเราไม่มีโอกาส แม้ว่า หากเขาบริสุทธิ์ เราก็สูญเสียตลอดชีวิต” นางสาวิตรี กล่าว
สำหรับประเด็นของเรื่องสุนัขว่า มีโอกาสนำพาน้องชมพู่ขึ้นไปบนเขา นางสาวิตรี กล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ที่สุนัขจะพาน้องชมพู่วิ่งออกนอกบ้าน และน้องจะวิ่งตาม เนื่องจากนิสัยของน้องชมพู่ถ้าจะออกไปนอกพื้นที่ จะหันมามองแม่ตลอด ยืนยันน้องชมพู่ยังถอดเสื้อผ้าไม่เป็น และยังไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้ อีกทั้งส่วนตัวเลี้ยงสุนัขแบบปล่อย ไม่ได้เลี้ยงให้เป็นเพื่อนลูก และน้องชมพู่เป็นเด็กเล็ก ไม่ได้ปล่อยให้เล่นกับสุนัข